ยูเครน
home อัลมาแนค | category ยุโรปตะวันออก รัสเซีย เอเชียกลาง

ยูเครน

สร้างเมื่อ : วันศุกร์ 27 ธันวาคม 2567, 23:19:06
แก้ไขเมื่อ : วันศุกร์ 27 ธันวาคม 2567, 23:19:06
เข้าชม : 235

ยูเครน

Ukraine

Ukraine

Flag
Map Image
  • เมืองหลวง:
    กรุงเคียฟ (Kiev)
  • ที่ตั้ง:

    อยู่ในยุโรปตะวันออก ติดกับทะเลดำ ตั้งอยู่ระหว่างโปแลนด์ โรมาเนีย และมอลโดวาทางตะวันตก กับรัสเซียทางตะวันออก มีพื้นที่ 603,550 ตร.กม. ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในยุโรป รองจากรัสเซีย และประมาณ 1.2 เท่าของไทย แบ่งเป็นพื้นดิน 579,330 ตร.กม. และพื้นน้ำ 24,220 ตร.กม. มีพรมแดนทางบกยาว 5,581 กม.

     อาณาเขต       

                    ทิศเหนือ                  จรดพรมแดนรัสเซียและเบลารุส

                    ทิศตะวันออก             จรดพรมแดนรัสเซีย

                    ทิศใต้                      ติดทะเลดำและทะเลอาซอฟ

                    ทิศตะวันตก              จรดพรมแดนโปแลนด์ สโลวาเกีย ฮังการี โรมาเนีย และมอลโดวา

  • ภูมิประเทศ:

    พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม อุดมสมบูรณ์ ทางตะวันตกมีเทือกเขา Carpathians ทางใต้สุดเป็นคาบสมุทรไครเมีย และมีแม่น้ำสำคัญ ๆ ของทวีปยุโรปไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำดนีเปอร์ แม่น้ำดนีสเตอร์ และแม่น้ำดานูบ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลดำ

  • ภูมิอากาศ:

    อบอุ่นแบบภาคพื้นทวีป มี 4 ฤดู ยกเว้นบริเวณชายฝั่งทะเลแถบคาบสมุทรไครเมียทางตอนใต้ ซึ่งมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ฤดูหนาวพื้นที่บริเวณภายในประเทศมีอากาศหนาวเย็นกว่าพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลดำ

  • ประชากร:

    35,661,826 ล้านคน (ต.ค.2567 ไม่รวมพื้นที่รัสเซียครอบครอง) ประกอบด้วย ยูเครน 77.8% รัสเซีย 17.3% เบลารุส 0.6% มอลโดวา 0.5% ไครเมียตาตาร์ 0.5% บัลแกเรีย 0.4% ฮังการี 0.3% โรมาเนีย 0.3% โปล 0.3% ยิว 0.2% และอื่น ๆ 1.8% 

    รายละเอียดประชากร    อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 12.3% วัยรุ่น (15-64 ปี) 67.8% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 19.9% อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม 70.5 ปี อายุขัยเฉลี่ยเพศชาย 65.4 ปี อายุขัยเฉลี่ยเพศหญิง 75.8 ปี อัตราการเกิด 8.7/1,000 คน อัตราการตาย 18.6/1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 2.38% 

  • ศาสนา:

    คริสต์นิกายออร์ทอดอกซ์กว่า 80% (แยกย่อยหลายกลุ่ม เช่น นิกาย Ukrainian Orthodox เขตปกครองของพระราชาคณะ Kyiv Patriarchate 44% นิกาย Ukrainian Orthodox เขตปกครองพระราชาคณะ Moscow Patriarchate 20% นิกาย Ukrainian Greek Catholic 11% และนิกาย Ukrainian Autocephalous Orthodox 2.4%) นิกายโรมันคาทอลิก 17% นิกายโปรเตสแตนต์ ยิว อิสลาม และอื่น ๆ 

  • ภาษา:

    ภาษายูเครนหรือ Little Russian (ตระกูลภาษาสลาฟ) เป็นภาษาราชการ มีผู้ใช้ 67.5% ภาษารัสเซีย 29.6% และภาษาอื่น ๆ 2.9% (เช่น ไครเมียตาตาร์ มอลโดวา โรมาเนีย และฮังการี) 

  • การศึกษา:

    อัตราการรู้หนังสือ 99.8%

  • การก่อตั้งประเทศ:

    ยูเครนต่อสู้เรียกร้องการปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 2460 แต่สหภาพโซเวียตปราบปราม และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต นโยบายเปิดกว้างทางการเมืองของประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟ ส่งผลให้เกิดกระแสการเรียกร้องสิทธิการปกครองตนเองในยูเครน จนมีการประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียตเมื่อ 24 ส.ค.2534 และจัดลงประชามติให้ยูเครนประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต เมื่อ 1 ธ.ค.2534 

  • วันชาติ:
    24 ส.ค. (ปี 2534) วันประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต
  • การเมือง:

                 ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ มาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีรัฐธรรมนูญเมื่อ 28 มิ.ย.2539 และปรับแก้ไขเมื่อปี 2547 ปี 2553 และปี 2558 แบ่งเขตการปกครองเป็น 24 แคว้น (Provinces) 1 สาธารณรัฐปกครองตนเอง และ 2 เทศบาลนคร (Municipalities)                

                    ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดียูเครนคนที่ 6 (สืบแทนประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก) เมื่อ 20 พ.ค.2562 หลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนรอบที่ 2 เมื่อ 21 เม.ย.2562 ด้วยคะแนนเสียง 73.22% ขณะที่ประธานาธิบดีโปโรเชนโกได้คะแนนเสียง 24.45% (การเลือกตั้งรอบแรกจัดขึ้นเมื่อ 31 มี.ค.2562 มีผู้สมัครรวม 39 คน) การเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นการเลือกตั้งโดยตรง วาระละ 5 ปี ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้ง นรม. และผ่านการรับรองจากสภาสูงสุด (Verkhovna Rada) นรม. ทำหน้าที่ในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงสุด นรม.คนปัจจุบัน คือ นาย Denys Shmyhal เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 4 มี.ค.2563  สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีกำหนดจัดขึ้นใน มี.ค.2567 ยังไม่สามารถจัดได้ เนื่องจากข้อห้ามภายใต้กฏอัยการศึกในห้วงสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน

                    ฝ่ายนิติบัญญัติ : ระบบสภาเดียว คือ สภาสูงสุด (Verkhovna Rada) มีสมาชิก 450 คน (กึ่งหนึ่งมาจากเลือกตั้งโดยตรง และอีกกึ่งหนึ่งเป็นแบบสัดส่วน) วาระละ 5 ปี เนื่องจากรัสเซียผนวกไครเมีย และพื้นที่บางส่วนในภาคตะวันออกของยูเครนยังไม่สงบ ทำให้ขาดสมาชิกรัฐสภารวม 27 ที่นั่ง พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 21 ก.ค.2562 ได้แก่ พรรค Servant of the People (43.2%) ได้ 254 ที่นั่ง พรรค Opposition Platform for Life (13.1%) ได้ 43 ที่นั่ง พรรค Batkivshchyna หรือ Fatherland (8.2%) ได้ 26 ที่นั่ง พรรค European Solidarity (8.1%) ได้ 25 ที่นั่ง พรรค Holos หรือ Voice (5.8%) ได้ 20 ที่นั่ง และอื่น ๆ (21.6%) ได้แก่ พรรค Opposition Bloc 6 ที่นั่ง พรรค Samopomich 1 ที่นั่ง พรรค Svoboda  1 ที่นั่ง พรรคอื่น 2 ที่นั่ง และผู้สมัครอิสระ 46 ที่นั่ง ส่วนการเลือกตั้งครั้งถัดไปยังไม่สามารถจัดได้จนกว่ายูเครนจะยกเลิกกฎอัยการศึก

                    ฝ่ายตุลาการ : ใช้ระบบประมวลกฎหมาย (Civil Law) มีศาลฎีกา (Supreme Court of Ukraine-SCU) ประกอบด้วย ผู้พิพากษา 100 คน ประจำศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลพาณิชย์ และศาลปกครอง ส่วนศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วยผู้พิพากษา 18 คน และศาลต่อต้านการทุจริตระดับสูง ประกอบด้วย ผู้พิพากษา 39 คน ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อ ก.ย.2562 ขณะเดียวกัน ศาลพิเศษถูกยกเลิกหลังการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของยูเครน โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีลงนามในกฤษฎีกาเมื่อ พ.ย.2562

              พรรคการเมืองสำคัญ ได้แก่ 1) พรรค Batkivshchyna (Fatherland) ของนาง Yulia Tymoshenko อดีต นรม.หญิงคนแรกของยูเครน 2) พรรค European Solidarity ของอดีตประธานาธิบดีโปโรเชนโก 3) พรรค Holos (Voice) ของนาย Sviatoslav Vakarchuk 4) พรรค Opposition Bloc หรือ OB ของนาย Evgeny Murayev 5) พรรค Opposition Platform-For Life ของนาย Yuriy Boyko และนาย Vadim Rabinovich 6) พรรค Radical ของนาย Oleh Lyashko 7) พรรค Samopomich (Self Reliance) ของนาย Andriy Sadovyy 8) พรรค Servant of the People ของนาย Oleksandr Kornienko รองประธานคนที่ 1 รัฐสภายูเครน และ 9) พรรค Svoboda (Freedom) ของนาย Oleh Tyahnybok

  • เศรษฐกิจ:

                ยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกธัญพืชสำคัญของโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่ และดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยยูเครนครองตลาดข้าวสาลีโลก 10% ข้าวโพด 15% และข้าวบาร์เลย์ 13%  แต่สถานการณ์การสู้รบกับรัสเซียส่งผลให้การส่งออกธัญพืชของยูเครนอยู่ที่ 5.291 ล้านตัน ลดลง 48.6% ในปี 2565-2566 โดยการส่งออกข้าวโพดอยู่ที่ 3.17 ล้านตัน ข้าวสาลี 1.65 ล้านตัน และข้าวบาร์เลย์ 447,000 ตัน ภาวะสงครามทำให้รัสเซียปิดท่าเรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ ในทะเลดำ ทำให้ยูเครนไม่สามารถส่งออกธัญพืช อาทิ ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และข้าวสาลี กว่า 20 ล้านตันได้ แต่ยูเครนยืนยันจะยังคงส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำ ควบคู่ไปกับเส้นทางอื่น ๆ อาทิ การขนส่งทางบกผ่านยุโรป และผ่านแม่น้ำดานูบในโรมาเนีย

                    สถานการณ์เศรษฐกิจยูเครนมีแนวโน้มถดถอยต่อเนื่องจากภาวะสงคราม โดยเมื่อปี 2565 ประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 60% เพิ่มขึ้นจาก 18% เมื่อปี 2564 และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 35% ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชากรกว่า 14 ล้านคน อพยพออกนอกประเทศเพื่อหนีภัยสงคราม ทั้งนี้ ยูเครนคาดว่าต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 349,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ

     

                    สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน :  กริฟนา (Hryvnia-UAH)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ :  36.6492 กริฟนา/ดอลลาร์สหรัฐ (25 ต.ค.2566)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท :  1 กริฟนา : 0.9861 บาท (25 ต.ค.2566)

  • ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ:

                ยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกธัญพืชสำคัญของโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่ และดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยยูเครนครองตลาดข้าวสาลีโลก 10% ข้าวโพด 15% และข้าวบาร์เลย์ 13%  แต่สถานการณ์การสู้รบกับรัสเซียส่งผลให้การส่งออกธัญพืชของยูเครนอยู่ที่ 5.291 ล้านตัน ลดลง 48.6% ในปี 2565-2566 โดยการส่งออกข้าวโพดอยู่ที่ 3.17 ล้านตัน ข้าวสาลี 1.65 ล้านตัน และข้าวบาร์เลย์ 447,000 ตัน ภาวะสงครามทำให้รัสเซียปิดท่าเรือขนส่งสินค้าต่าง ๆ ในทะเลดำ ทำให้ยูเครนไม่สามารถส่งออกธัญพืช อาทิ ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ และข้าวสาลี กว่า 20 ล้านตันได้ แต่ยูเครนยืนยันจะยังคงส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำ ควบคู่ไปกับเส้นทางอื่น ๆ อาทิ การขนส่งทางบกผ่านยุโรป และผ่านแม่น้ำดานูบในโรมาเนีย

                    สถานการณ์เศรษฐกิจยูเครนมีแนวโน้มถดถอยต่อเนื่องจากภาวะสงคราม โดยเมื่อปี 2565 ประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนถึง 60% เพิ่มขึ้นจาก 18% เมื่อปี 2564 และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 35% ซึ่งเป็นผลจากการที่ประชากรกว่า 14 ล้านคน อพยพออกนอกประเทศเพื่อหนีภัยสงคราม ทั้งนี้ ยูเครนคาดว่าต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 349,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการฟื้นฟูสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ

     

                    สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน :  กริฟนา (Hryvnia-UAH)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ :  36.6492 กริฟนา/ดอลลาร์สหรัฐ (25 ต.ค.2566)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท :  1 กริฟนา : 0.9861 บาท (25 ต.ค.2566)

  • การทหาร:

               การทหาร : ยูเครนออกกฎหมายเมื่อต้นปี 2558 เพิ่มกำลังพลจาก 184,000 นาย เป็นสูงสุด 250,000 นาย (เท่ากับระดับเมื่อปี 2556) การปฏิรูปกองทัพยังไม่คืบหน้าเนื่องจากขาดงบประมาณ และปัญหาการสู้รบกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในภาคตะวันออกตั้งแต่ มี.ค.2557 มีเหตุปะทะประปราย ในห้วงที่ผ่านมายูเครนจัดตั้ง National Guard เพื่อร่วมปฏิบัติการในภาคตะวันออกเมื่อปี 2557 และประกาศหลักนิยมทางทหาร เมื่อ ก.ย.2558 โดยระบุว่า ภัยคุกคามในปัจจุบันและอนาคตมาจากรัสเซีย ซึ่งยูเครนควรปรับปรุงกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงให้ทันสมัยตามมาตรฐานเนโตและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยูเครนมีการฝึกทางทหารร่วมกับต่างชาติบ่อยครั้งขึ้นหลังปี 2557 โดยเฉพาะกับเนโต อาวุธยุทโธปกรณ์ส่วนใหญ่ตกทอดจากสมัยอดีตสหภาพโซเวียต และบางส่วนได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ยูเครนเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยมีเป้าหมายเป็น 1 ใน 5 ของประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก ยูเครนเคยเป็น   ผู้ส่งออกอันดับ 4 ของโลกเมื่อปี 2555 (มูลค่า 1,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากข้อมูลของสถาบัน Stockholm International Peace Research Institute (SIPRI) ระบุว่า ยูเครนส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นอันดับ 12 ของโลกในห้วงปี 2559-2563 (จากผู้ส่งออกรายใหญ่ 68 ประเทศ) โดยมีจีน รัสเซีย และไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ สำหรับประเทศส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ 5 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐฯ รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และจีน

                    ในห้วงวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ยูเครนได้รับคำมั่นจากเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์กว่า จะร่วมบริจาค เครื่องบินขับไล่รุ่น F-16 ให้แก่ยูเครนประมาณ 42-61 ลำ โดยจะส่งมอบเครื่องบินรบขับไล่ 6 ลำแรกใน ม.ค.2567 และจะทยอยส่งมอบเครื่องบินขับไล่รุ่น F-16 ที่เหลือระหว่างปี 2567-2568 โดยเมื่อ 4 ส.ค.67 ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 ชุดแรกจากชาติตะวันตก ที่สนามบินแห่งหนึ่งในยูเครน โดยไม่เปิดเผยจำนวนที่ได้รับ สถานที่ลงจอด และประเทศต้นทาง แต่แสดงความขอบคุณเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ และพันธมิตรทั้งหมดของยูเครน

                    กำลังพลรวม : 500,000-800,000 นาย (ทบ. 200,000-350,000 นาย ทร. 20,000 นาย ทอ. 37,000 นาย กองพลร่ม 40,000 นาย กองปฏิบัติการพิเศษ 3,000 นาย กองกำลังป้องกันดินแดน 200,000-350,000 นาย กองกำลังกึ่งทหาร 250,000 นาย) งบประมาณด้านการทหารปี 2566 ประมาณ 30,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ เมื่อปี 2565 ยูเครนแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ เพื่อเตรียมการด้านกองกำลังสำรอง อาทิ การปรับเพิ่มอายุจากเดิม 20-27 ปี เป็นระหว่าง 18-60 ปี และห้ามเดินทางออกจากยูเครนในห้วงสถานการณ์สงครามกับรัสเซีย

                    ยุทโธปกรณ์สำคัญ   

                       ทบ. ได้แก่ ถ.หลัก 937 คัน (รุ่น M-55S, T-62M/MV, T-64BV/BV mod 2017, T-64BM Bulat, T-72AV/AV mod 2021, B1/B3/M1/M1R/PT-91 Twardy, T-80BV/BVM/U/UK, T-90A และT-84 Oplot) ยานลาดตระเวน 170 คัน (รุ่น BRDM-2 และ BRM-1K) ยานรบทหารราบหุ้มเกราะ 1,020 คัน (รุ่น BMP-1/-1AK/-2, BMP-3, BTR-3DA/-3E1/-4E/-4MV1, BTR-82A, BVP M-80A, PbV-501 และ YPR-765) ยานสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะ 1,274 คัน (รุ่น M113A1/AS4/G3DK/G4DK, MT-LB, BTR-60, BTR-70 และ BTR-80) ปืนใหญ่ 1,639 กระบอก ฮ.โจมตีแบบ Mi-24/35 Hind มี 45 เครื่อง ฮ.ขนส่งแบบ Mi-8 Hip มี 15 เครื่อง อาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศ ได้แก่ S-300V (RS-SA-12A Gladiator), 9K33 Osa-AKM (SA-8 Gecko) และขีปนาวุธ S-300V (SA-12 Gladiator) ระบบเรดาร์สอดแนม และอาวุธปล่อยพื้นสู่พื้น

                    ทร. (รวมกองบิน ทร.และนาวิกโยธิน) มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ Odessa ยุทโธปกรณ์สำคัญ ได้แก่ เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 13 ลำ และเรือส่งกำลังบำรุงและสนับสนุน 8 ลำ

                    ทอ. ได้แก่ บ.รบ 78 เครื่อง แยกเป็น บ.ขับไล่ 49 เครื่อง (แบบ MiG-29 Fulcrum 24 เครื่อง และแบบ Su-27 Flanker B 25 เครื่อง) บ.ขับไล่/โจมตีภาคพื้นดินแบบ บ.Su-24M Fencer 5 เครื่อง บ.โจมตีแบบ Su-25 Frogfoot 16 เครื่อง บ.ลาดตระเวน/สอดแนม 11 เครื่อง (แบบ Su-24MR Fencer-E 8 เครื่อง และ An-30 Clank 3 เครื่อง) บ.ขนส่ง 22 เครื่อง และ บ.ฝึกแบบ L-39 Albatros 29 เครื่อง ฮ.แบบ Mi-9 2 เครื่อง ฮ.ขนส่งขนาดกลางแบบ Mi-8 Hip 18 เครื่อง และขนาดเบาแบบ Mi-2 Hoplite 5 เครื่อง โดยมีอาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศ เช่น แบบ S-300P/PS/PT (SA-10 Grumble) และแบบ 9K37M Buk-M1 (SA-11 Gadfly) อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศด้วยอินฟราเรด เช่น R-27ET (RS-AA-10D Alamo) และนำวิถีด้วย semi-active radar homing ได้แก่ R-27R (RS-AA-10A Alamo) และ R-27ER (RS-AA-10C Alamo)

                    ยูเครนถอนกำลังทหาร 21 นาย ที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจกับเนโตในอัฟกานิสถาน และอพยพออกจากอัฟกานิสถานระหว่าง 1-5 มิ.ย.2564 เป็นการยุติการมีส่วนร่วมตั้งแต่ปี 2550 อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังประจำการทหารในเซอร์เบีย (40 นาย) และร่วมปฏิบัติภารกิจกับสหประชาชาติในซูดาน (UNISFA) 6 นาย   ในคองโก (MONUSCO) 259 นาย ในซูดานใต้ (UNMISS) 4 นาย ในมาลี (MINUSMA) 2 นาย ในไซปรัส (UNFICYP) 1 นาย และในเซอร์เบีย (UNMIK) 2 นาย นอกจากนี้ ยังส่งผู้สังเกตการณ์ในมอลโดวา 10 นาย 

                    กองกำลังต่างประเทศในยูเครน หลังจากรัสเซียผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เมื่อ มี.ค.2557 รัสเซียส่งทหารเข้าประจำการในไครเมีย 28,000 นาย พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยมีฐานทัพเรือที่เมืองเซวาสโตโปล ซึ่งเป็นฐานทัพหลักในทะเลดำ ขณะที่มีทหารจากหลายประเทศร่วมในกองกำลังขององค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe-OSCE) ในยูเครนประมาณ 800 นาย ได้แก่ แอลเบเนีย อาร์เมเนีย ออสเตรีย อาเซอร์ไบจาน เบลารุส เบลเยียม บอสเนียและเฮอร์เซโกวินา บัลแกเรีย แคนาดา โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส จอร์เจีย เยอรมนี กรีซ ฮังการี ไอร์แลนด์ อิตาลี คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ลัตเวีย ลิทัวเนีย นอร์ทมาซิโดเนีย มอลโดวา มอนเตเนโกร เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย รัสเซีย เซอร์เบีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ทาจิกิสถาน ตุรกี สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ

                       ตั้งแต่เกิดสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทั้งสองฝ่ายระบุถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแตกต่างกัน และใช้เป็นข้อมูลโจมตีกัน นอกจากนี้ กองทัพยูเครนเปิดการโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินบริเวณชายแดนของแค้วนคุสค์ของรัสเซีย (ตรงข้ามแคว้นซูมีของยูเครน) และพยายามรุกเข้าไปในแคว้นใกล้เคียงทั้งเบลโกรอด และบรีอันสค์ตั้งแต่ 6 ส.ค.2567 ซึ่งการสู้รบยังคงยืดเยื้อ ขณะที่ยังคงเรียกร้องเร่งให้ชาติตะวันตกอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย

              ยูเครนอยู่ระหว่างแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพล เมื่อ 25 ต.ค.2567 ประธานาธิบดียูเครนลงนามในกฏหมายอนุญาตให้อาสาสมัครชาวต่างชาติที่ช่วยรบใน Ukraine's International Legion บรรจุเป็น จนท.ทหารยูเครน รวมทั้งเร่งเพิ่มการผลิตโดรนเพื่อทดแทนอาวุธของชาติตะวันตกที่ไม่เพียงพอและการให้ความช่วยเหลือทางการทหารที่ล่าช้า เป็นการลดข้อจำกัดขีดความสามารถของกองทัพยูเครน 

  • สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ:

     เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ Australia Group, BSEC, CBSS (ผู้สังเกตการณ์), CD, CE, CEI, CICA (ผู้สังเกตการณ์), CIS (ยังไม่ลงนามกฎบัตร CIS ปี 2536), EAEC (ผู้สังเกตการณ์), EAPC, EBRD, FAO, GCTU, GUAM, IAEA, IBRD, ICAO, ICC (national committees), ICRM, IDA, IFC, IFRCS, IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM, IPU, ISO, ITU, ITUC (NGOs), LAIA (ผู้สังเกตการณ์), MIGA, MONUSCO, NAM (ผู้สังเกตการณ์), NSG, OAS (ผู้สังเกตการณ์), OIF (ผู้สังเกตการณ์), OPCW, OSCE, PCA, PFP, SELEC (ผู้สังเกตการณ์), UN, UNCTAD, UNESCO, UNFICYP, UNIDO, UNISFA, UNMIL, UNMISS, UNOCI, UNWTO, UPU, WCO, WFTU (NGOs), WHO, WIPO, WMO, WTO และ ZC 

  • การขนส่งและโทรคมนาคม:

    มีท่าอากาศยาน 187 แห่ง เส้นทางรถไฟระยะทาง 21,733 กม. ถนนระยะทาง 169,694 กม. และการเดินทางโดยเรือ (ส่วนใหญ่ในแม่น้ำดนีเปอร์) 1,672 กม. เมืองท่าที่สำคัญ ได้แก่ Feodosiya (Theodosia), Chornomosk (Illichivsk), Mariupol, Mykolayiv, Odesa (หรือ Odessa) และ Yuzhnyy มีท่อขนส่งก๊าซ 36,720 กม. ท่อขนส่งน้ำมัน 4,514 กม. และท่อขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว 4,363 กม. ด้านโทรคมนาคม มีโทรศัพท์พื้นฐานให้บริการ 4,182,994 เลขหมาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 54,842,400 เลขหมาย จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 25,883,509 คน (เมื่อ ก.ค.2561) รหัสอินเทอร์เน็ต .ua 

  • การเดินทาง:

    ยูเครนปิดการจราจรทางอากาศสำหรับเที่ยวบินพลเรือน เมื่อ ก.พ.2565 เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัย สำหรับไทยไม่มีเที่ยวบินตรงไปยูเครน (กรุงเทพฯ-เคียฟ) เวลาที่เคียฟช้ากว่าไทย 4 ชม.ในฤดูร้อน และ 5 ชม. ในฤดูหนาว ไทยและยูเครนมีความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราผู้ถือหนังสือทางทูตและราชการ คนไทยเดินทางเข้ายูเครนโดยไม่ต้องขอวีซ่าและพำนักในยูเครนได้นาน 90 วัน และเมื่อ 4 เม.ย.2561 ยูเครนเริ่มให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 46 ประเทศ รวมถึงไทย ยื่นขอตรวจลงหนังสือเดินทางทางออนไลน์ (E-Visa) และตั้งแต่ 14 เม.ย.2562 ชาวยูเครนที่มาท่องเที่ยวในไทยสามารถขอ Visa on Arrival และพำนักได้ไม่เกิน 30 วัน นอกจากนี้ เมื่อ ส.ค.2562 กระทรวงการต่างประเทศยูเครนขยายเครือข่ายการให้บริการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง โดยเปิดศูนย์ตรวจลงตรา (Visa Center) เพิ่มเติม 18 แห่งใน 16 ประเทศทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพฯ

  • สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม:

                  1) วิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อและทวีความรุนแรง ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเจรจายุติการสู้รบ และลักษณะการทำสงครามตัวแทน (Proxy War) ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ อาจจะส่งผลต่อการแข่งขันอิทธิพลระหว่างกันทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศแต่มีปัจจัยที่อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงดีขึ้นจากท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ที่จะผลักดันให้รัสเซีย-ยูเครน เริ่มการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ

                    2)  การขอรับการสนับสนุนทางทหารจากชาติพันธมิตร เฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation-เนโต) หลังจากเมื่อ ก.ค.2566 ที่ประชุมเนโตออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่ายูเครนจะได้เป็นสมาชิก  เนโตในอนาคต และยกเลิกข้อกำหนดที่ให้ยูเครนต้องทำตามแผนปฏิบัติการสมาชิกภาพ (Membership Action Plan-MAP)

                    3)  ผลกระทบจากปัญหาสงครามยูเครน อาทิ สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ ปัญหาสังคม และการปรับปรุง/ปฏิรูปกองทัพยูเครน

                    4) ผลกระทบจากความร่วมมือกับพันธมิตรของแต่ละฝ่ายที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่คาดเดาได้ยาก อาทิ ความร่วมมือของรัสเซียกับเกาหลีเหนือที่จัดส่ง จนท.ทหารกว่า 10,000 นาย เข้าร่วม กับกองกำลังรัสเซียเพื่อสู้รบกับยูเครน และกรณียูเครนใช้ขีปนาวุธของชาติพันธมิตรตอบโต้รัสเซีย ซึ่งอาจยกระดับการสู้รบให้รุนแรงยิ่งขึ้น

  • ความสัมพันธ์ไทย-ยูเครน:

                    การทูตและการเมือง ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครนเมื่อ 6 พ.ค.2535 เดิม สอท.ไทย ณ กรุงมอสโก มีเขตอาณาครอบคลุมยูเครน แต่หลังจากยูเครนได้ให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้ง ออท. ณ วอร์ซอ เป็น ออท.ไทยประจำยูเครนแล้ว หน้าที่ในการดูแลของ สอท.ไทย ณ กรุงมอสโก สิ้นสุดลงเมื่อ ออท. ณ วอร์ซอ ยื่นพระราชสาส์นตราตั้ง และมีสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เคียฟ ในปี 2561 ส่วนยูเครนมี สอท.ประจำกรุงเทพฯ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ที่กรุงเทพฯ และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ที่พัทยา จ.ชลบุรี โดยไทยและยูเครนมีความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครน (Joint Commission on Bilateral Cooperation-JC) ลงนามเมื่อ 3 พ.ค.2545 เป็นกลไกการพัฒนาความสัมพันธ์ ทั้งนี้ เมื่อ 30 พ.ค.2564 นายอันดรีย์ เบชตา (Andrii Beshta) ออท.ยูเครนประจำกรุงเทพฯ เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว ที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ขณะปฏิบัติภารกิจประสานความร่วมมือในพื้นที่ สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวยูเครนที่จะเดินทางมาไทยหลังสถานการณ์โรค COVID-19 โดยมีพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษเมื่อ 5 มิ.ย.2564 ปัจจุบันนาย Pavlo Orel อุปทูต/ที่ปรึกษา ปฏิบัติหน้าที่แทน 

                    นายพาฟโล คลิมคิน (Pavlo Klimkin) รมว.กระทรวงการต่างประเทศยูเครน เยือนไทย ระหว่าง 4-5 มิ.ย.2560 ซึ่งเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยมีการลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาระหว่างไทยกับยูเครน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกระหว่างทั้งสองประเทศในคดีอาญา และความตกลงทางการค้าระหว่างไทยกับยูเครน อีกทั้งช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนทางการค้าและนักธุรกิจ และการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee)

                    เมื่อปี 2562 นางศันสนีย สหัสสะรังษี ออท. ณ วอร์ซอ ในฐานะ ออท. ไทยประจำยูเครน พร้อมคณะเดินทางไปกรุงเคียฟ เพื่อเข้าร่วมประชุม Political Consultations ไทย-ยูเครน ครั้งที่ 2 ที่มีนายศศิวัฒน์  ว่องสินสวัสดิ์ อธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย เป็นการประชุมครั้งแรกของทั้งสองฝ่ายในรอบ 10 ปี เพื่อหารือถึงแนวทางการกระชับความสัมพันธ์และยกระดับความร่วมมืออย่าง
    รอบด้าน ตลอดจนแนวทางประสานความร่วมมือในกรอบเวทีระหว่างประเทศ และการเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์ระดับบุคคล รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับนาย Sergiy Kyslytsya รมช.กระทรวงการต่างประเทศยูเครน นอกจากนี้ ออท.ศันสนียร่วมคณะผู้แทนไทยไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตอากาศยานของบริษัท Antonov ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องบิน Mrija ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตอากาศยานสำหรับพลเรือนและทางทหารรายสำคัญของยูเครน

                    สำหรับวิกฤตยูเครน-รัสเซีย  ไทยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ตลอดจนเคารพหลักการแห่งอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และให้ความสำคัญกับการดูแลคนไทยในพื้นที่ อาทิ การเตรียมมาตรการอพยพคนไทยในยูเครน (ประมาณ 10 คน เมื่อ พ.ย.2565)

                    เศรษฐกิจ ในระยะ5 ปี ที่ผ่านมา (2562-2566) การค้ารวมไทย-ยูเครน มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 301.53ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2566 ยูเครนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 96 ของไทยในโลก ส่วนในปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.2567) การค้ารวมมีมูลค่า 171.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (0.06% ของการค้าทั้งหมดของไทย) เพิ่มขึ้น 115.9% จากห้วงเดียวกันปี 2566 โดยไทยเสียเปรียบดุลการค้า 63.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกมีมูลค่า 53.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 154.93% (0.04% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย) สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สิ่งปรุงรสอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เลนส์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ การนำเข้ามีมูลค่า 117.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 101.69% (0.08% ของการนำเข้าทั้งหมดของไทย) สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ลวดและสายเคเบิล รถไฟอุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์) สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

                       การลงทุน การลงทุนทางตรงของไทยในยูเครนปี 2566 มีมูลค่า 0.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การลงทุนทางตรงของยูเครนในไทย มีมูลค่า 8.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ธุรกิจยูเครนที่เข้ามาลงทุนในไทย ได้แก่ บริษัทจังเกิ้ล เอ็กทรีม แอ็ดเวนเจอร์ จํากัด บริษัทซัน บริสซ์ จํากัด บริษัทลายัน กรีน พาร์ค จํากัด บริษัทวอเตอร์คลีฟ พร็อพเพอร์ตี้ส จํากัด บริษัทบ้านใต้ เอสเตท จํากัด บริษัทฟาร์ ซอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด บริษัทลันตา ไอร์แลนด์ รีสอร์ท จํากัด บริษัทยาโวสกี้ จํากัด บริษัทพีรีกริน ลาปิดารี จํากัด บริษัทโดมิค จํากัด และบริษัทกรอม สมุย จํากัด  

                    ความตกลงที่สำคัญระหว่างไทยกับยูเครน ได้แก่ บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมยูเครน (30 เม.ย.2541) ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทย-ยูเครน (3 พ.ค.2545) ความตกลงว่าด้วยการปรึกษาหารือและความร่วมมือระหว่าง กต.ไทย-ยูเครน (10 มี.ค.2547) ความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศ (10 มี.ค.2547) อนุสัญญาเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน (10 มี.ค.2547) บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินไทยและหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินยูเครนเกี่ยวกับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวของกับการฟอกเงิน (19 ก.ค.2548) ข้อตกลงที่ไทยสั่งซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางประเภทสะเทินน้ำสะเทินบก BTR-3E1 จำนวน 96 คันจากยูเครน (ปี 2550) มูลค่า 129.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยรับมอบ 2 คันแรกแล้วเมื่อ 17 ก.ย.2553 และยูเครนกำหนดส่งมอบทั้งหมดภายในปี 2558 และข้อตกลงที่ไทยสั่งซื้อรถถังหลักแบบ T-84 Oplot จำนวน 49 คันจากยูเครน  (1 ก.ย.2554) มูลค่าประมาณ 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยูเครนส่งรถถังชุดแรกให้ไทย 5 คัน เมื่อ ก.พ.2557 ชุดที่ 2 อีก 5 คัน เมื่อ มิ.ย.2558 ชุดที่ 3 จำนวน 10 คัน เมื่อ พ.ค.2559 ชุดที่ 4 จำนวน 5 คัน เมื่อ พ.ย.2559 ชุดที่ 5 จำนวน 5 คัน เมื่อ มี.ค.2560 และชุดที่ 6 จำนวน 5 คัน เมื่อ มิ.ย.2560 โดยเมื่อ มี.ค.2561 ยูเครนส่งมอบรถถังที่เหลือทั้งหมดให้ไทย ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านอาชญากรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน (5 มิ.ย.2560) และความตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งยูเครน (ลงนามเมื่อวันที่5 มิถุนายน2560)นอกจากนี้ สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติยูเครน (National Security and Defense Council of Ukraine-NSDCU) ระบุเมื่อ 15 มิ.ย.2561 ว่า ยูเครนและไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมความมั่นคง โดยเฉพาะการจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมทหารร่วมกัน เพื่อสนับสนุนภารกิจบำรุงรักษา ซ่อมแซม และยกเครื่องใหม่ (Maintenance, Repair and Overhaul-MRO) รวมถึงความเป็นไปได้ในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารร่วมกันในไทย 

  • คณะรัฐมนตรี:

    คณะรัฐมนตรียูเครน

     

    ประธานาธิบดี                                                        Volodymyr Zelensky

    นรม.                                                                   Denys Shmyhal 

    รอง นรม.คนที่ 1 ควบ.รมว.เศรษฐกิจ                             Yulia Svyrdenko (Ms)

    รอง นรม. (การพัฒนาดินแดนและชุมชน)                         Oleksii Kuleba

    รอง นรม. (บูรณาการกับสหภาพยุโรปและแอตแลนติก)        Olha Stefanishyna (Ms)

    รอง นรม. (นวัตกรรม การศึกษา วิทยาศาสตร์ฯ)                Mykhailo Fedorov

    รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี                                   Oleh Uruskyy

    รมว.กระทรวงพลังงาน                                              German Galushchenko

    รมว.กระทรวงเยาวชนและกีฬา                                     Matvii Bidnyi

    รมว.กระทรวงการต่างประเทศ                                     Andrii Sybiha

    รมว.กระทรวงสาธารณูปโภคพื้นฐาน                               Olexandr Kubrakov

    รมว.กระทรวงนโยบายด้านสังคม                                  Oksana Zholnovych (Ms.) (19 ก.ค.2565)

    รมว.กระทรวงกิจการทหารผ่านศึก[1]                               Nataliia Kalmykova (Ms)

    รมว.กระทรวงนโยบายเกษตรกรรมและอาหาร[2]                  Vitalii Koval

    รมว.กระทรวงสาธารณสุข                                           Viktor Liashko

    รมว.กระทรวงยุติธรรม                                              Olha Stefanishyna (Ms)

    รมว.กระทรวงการคลัง                                               Serhii Marchenko

    รมว.กระทรวงมหาดไทย                                            Ihor Klymenko (ตั้งแต่ 7 ก.พ.2566)

    รมว.กระทรวงวัฒนธรรมและนโยบายข้อมูล                      Mykola Tochytskyi

    รมว.กระทรวงกลาโหม                                              Rustem Umerov (ตั้งแต่ 6 ก.ย.2566)

    รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์[3]                       Herman Smetanin

    รมว.กระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์                       Mykhailo Fedorov

    รมว.กระทรวงการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล                              Mykhailo Fedorov

    รมว.บูรณาการดินแดนที่ถูกยึดครองชั่วคราว                     Anatoliy Stelmakh (รักษาการ)

     

    ---------------------------------------------------


    [1] จัดตั้งเมื่อ 22 พ.ย.2561 โดยห้วง ส.ค.2562-มี.ค.2563 ผนวกรวมกับกระทรวงการครอบครองที่ดินและผู้พลัดถิ่นระยะสั้น

    [2] จัดตั้งเมื่อ 17 ธ.ค.2563 ก่อนหน้านี้ถูกผนวกรวมกับกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการเกษตร

    [3] จัดตั้งเมื่อ 22 ก.ค.2563