รัสเซีย
home อัลมาแนค | category ยุโรปตะวันออก รัสเซีย เอเชียกลาง

รัสเซีย

สร้างเมื่อ : วันศุกร์ 27 ธันวาคม 2567, 23:12:06
แก้ไขเมื่อ : วันศุกร์ 27 ธันวาคม 2567, 23:12:06
เข้าชม : 905

สหพันธรัฐรัสเซีย

Russia

Russia

Flag
Map Image
  • เมืองหลวง:
    กรุงมอสโก
  • ที่ตั้ง:

    อยู่ทั้งภูมิภาคเอเชียตอนเหนือและภูมิภาคยุโรป มีเทือกเขาอูราลเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างทั้งสองทวีป พื้นที่ 17,098,242 ตร.กม. (พื้นที่ใหญ่กว่าไทยประมาณ 35 เท่า) พื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยพื้นที่มากกว่า 2 ใน 3 อยู่ในทวีปเอเชีย แบ่งเป็นพื้นดิน 16,377,742 ตร.กม. และพื้นน้ำ 720,500 ตร.กม. ระยะทางจากด้านตะวันออกจรดตะวันตก 9,000 กม. และจากด้านเหนือจรดใต้ 4,000 กม. มีชายแดนยาวรวมกัน 22,408 กม. และชายฝั่งทะเลยาวรวมกัน 37,653 กม.

     

    อาณาเขต                               

                    ทิศเหนือ                         ติดมหาสมุทรอาร์กติก

                    ทิศตะวันออก                   ติดมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ

                    ทิศตะวันออกเฉียงใต้           ติดจีน

                    ทิศใต้                            ติดเกาหลีเหนือ จีน มองโกเลีย คาซัคสถาน อาเซอร์ไบจาน และจอร์เจีย

                    ทิศตะวันตก                     ติดยูเครน เบลารุส ลัตเวีย ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย

                                                       ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดฟินแลนด์ และนอร์เวย์

  • ภูมิประเทศ:

    ทางตะวันตกของเทือกเขาอูราลเป็นที่ราบกว้างใหญ่และเนินเขา ภาคไซบีเรียมีป่าสนขนาดใหญ่และเป็นที่ราบครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง พื้นที่ทางใต้เป็นที่ราบสูงและเทือกเขา ชายฝั่งทะเลมีทั้งชายฝั่งลาดชัน ชายฝั่งราบเรียบ และชายฝั่งราบลุ่ม มีอ่าวขนาดต่าง ๆ มากมาย มีคาบสมุทรขนาดใหญ่ คือ คาบสมุทรคัมชัตกาอยู่ทางตะวันออก และคาบสมุทรไตมีร์อยู่ทางเหนือ โดยติดทะเล 13 แห่ง ได้แก่ 1) ทะเลโอคอตสก์ 2) ทะเลญี่ปุ่น 3) ทะเลแคสเปียน 4) ทะเลอะซอฟ 5) ทะเลดำ 6) ทะเลบอลติก 7) ทะเลขาว 8) ทะเลแบเรนตส์ 9) ทะเลคารา 10) ทะเลลัปเตฟ 11) ทะเลไซบีเรียตะวันออก 12) ทะเลชุกซี และ 13) ทะเลแบริง และมี 11 เส้นแบ่งเวลา (UTC +2 ถึง UTC+12)

  • ภูมิอากาศ:

    หลากหลายและแตกต่างตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ มีฤดูหนาวยาวนาน อากาศหนาวจัดและพื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นเวลานานถึง 6 เดือน โดยมีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสเตปป์ทางตอนใต้ ภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีปในพื้นที่ด้านยุโรป และภูมิอากาศกึ่งอาร์กติกในไซบีเรียกับทุนดราในเขตขั้วโลกเหนือ รัสเซียมี 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูหนาว (ธ.ค.-ก.พ.) ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค.-พ.ค.) ฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.) และฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-พ.ย.) 

    ทรัพยากรธรรมชาติ    มีน้ำมันสำรองและก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก ถ่านหิน ป่าไม้ แร่ธาตุสำคัญทางยุทธศาสตร์และแร่ธาตุหายาก อาทิ แร่ใยหิน (Asbestos) แร่โคลัมเบียม (Columbium) หรือไนโอเบียม (Niobium)    และแร่สแกนเดียม (Scandium)

  • ประชากร:

    144,596,443 คน (ต.ค.67) สัดส่วน ชาย 46.26% หญิง 53.74% ที่อยู่อาศัยในเมือง 75.3% (เมืองที่หนาแน่น 6 อันดับแรก ได้แก่ มอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โนโวซีบีรสค์ ยากาเตรินบุร์ก นิจนีนอฟโกรอด และคาซัน) ชนบท 24.7% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 16.5% วัยรุ่น (15-64 ปี) 65.7%  (65 ปีขึ้นไป) 17.8% อายุขัยเฉลี่ยของประชากร 73.3 ปี เพศชาย 67.5 ปี เพศหญิง 79.2 ปี อัตราการเกิด 8.4 คน ต่อ 1,000 คน อัตราการตาย 14 คนต่อ 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร -0.49% อัตราการย้ายถิ่นฐาน 0.8 คนต่อ 1,000 คน อายุเฉลี่ยหญิงตั้งครรภ์แรก 25.2 ปี (ปี 2566)

    รายละเอียดประชากร  รัสเซีย 71.7% ตาตาร์ 3.2% เชเชน 1.1% บาชคีร์ 1.1% อื่น ๆ 11.3% และระบุไม่ได้ 11.6% โดยรัสเซียมี 193 ชาติพันธุ์ 

  • ศาสนา:

    คริสต์นิกายรัสเซียออร์ทอดอกซ์ 75% อิสลาม 10-15% หรือประมาณ 20 ล้านคน (มีกว่า 40 กลุ่ม ส่วนมากเป็นอิสลาม (ซุนนี) และคริสต์นิกายอื่น ๆ 2%   

  • ภาษา:

    ภาษารัสเซียเป็นภาษาราชการ มีผู้ใช้ 85.7% ภาษาตาตาร์ 3.2% ภาษาเชเชน 1% และภาษาของชนกลุ่มน้อยอื่น 10.1%

  • การศึกษา:

    อัตราการรู้หนังสือ 99.7% 

  • การก่อตั้งประเทศ:

          ราชวงศ์โรมานอฟปกครองรัสเซียตั้งแต่ปี 2156 จนกระทั่งมีการโค่นล้มราชบัลลังก์ของซาร์นิโคลัสที่ 2 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จากการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของกลุ่มบอลเชวิก ที่มีนายวลาดีมีร์ เลนิน เป็นผู้นำ เมื่อปี 2460 (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1) กลุ่มบอลเชวิก
    เข้าบริหารประเทศและจัดตั้งสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (Union of Soviet Socialist Republic-USSR) หรือสหภาพโซเวียต (Soviet Union) ขึ้นเมื่อปี 2465

                        พรรคคอมมิวนิสต์บริหารประเทศจนถึงปี 2528 ภายหลังจากที่นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ดำเนินนโยบายปฏิรูประบบสังคมนิยมภายใต้ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและการเปิดเสรีทางการเมือง (Perestroika และ Glasnost) ซึ่งการเปิดเสรีทางการเมืองนำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตเมื่อปี 2534 โดยแยกออกเป็น 15 ประเทศ ดังนี้ รัสเซีย มอลโดวา เบลารุส ยูเครน อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน ลัตเวีย เอสโตเนีย และลิทัวเนีย

  • วันชาติ:
    12 มิ.ย. (วันประกาศอิสรภาพ)
  • การเมือง:

                   ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุขและมีอำนาจบริหารประเทศ โดยมาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระดำรงตำแหน่ง 6 ปี (ขยายจากเดิมวาระละ 4 ปี หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 4 มี.ค.2555) ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งในฐานะผู้สมัครอิสระเมื่อ 15-17 มี.ค.2567 และชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 88.5% ถือเป็นการครองตำแหน่งสมัยที่ 5 ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งสมัยแรกเมื่อ 2543 และสามารถดำรงตำแหน่งจนถึงปี 2579 (2 สมัย ๆ ละ 6 ปี)

                    รัสเซียมีรูปแบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ ประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาล นรม.เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 12 ธ.ค.2536 และมีการลงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั่วประเทศ ห้วง 25 มิ.ย.-1 ก.ค.2563 มีผู้มาใช้สิทธิทั้งสิ้น 67.97% ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบร่างแก้ไข สาระสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาทิ การขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียได้มากกว่าสองสมัยติดต่อกัน (ส่งผลให้ประธานาธิบดีปูติน อาจอยู่ในอำนาจต่อเนื่องยาวนานถึงปี 2579) ประธานาธิบดีคนปัจจุบันสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกครั้ง รวมถึงประเด็นการขยายอำนาจรัฐสภาและศาลรัฐธรรมนูญรัสเซีย รวมทั้งการปรับโครงสร้าง สว.ให้ดำรงตำแหน่งตลอดชีพ ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีซึ่งจะมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกจาก ครม. หรือรัฐสภา ให้ดำรงตำแหน่ง สว.ตลอดชีพได้อีก 7 คน และกฎหมายเอกสิทธิ์การคุ้มครองประธานาธิบดีตลอดชีวิต แม้สิ้นสุดสถานะตำแหน่งประธานาธิบดี

                    รัสเซียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 เขตสหพันธ์ (Federal Districts) แต่ละเขตบริหารโดยผู้ว่าราชการเขต ซึ่งประธานาธิบดีรัสเซียเป็นผู้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนประธานาธิบดี ได้แก่ 1) เขตสหพันธ์กลาง (Central Federal District) 2) เขตสหพันธ์ใต้ (Southern Federal District) 3) เขตสหพันธ์ตะวันตกเฉียงเหนือ (Northwestern Federal District) 4) เขตสหพันธ์ตะวันออกไกล (Far Eastern Federal District) 5) เขตสหพันธ์ไซบีเรีย (Siberian Federal District) 6) เขตสหพันธ์อูราลส์ (Urals Federal District) 7) เขตสหพันธ์วอลกา (Volga Federal District) 8) เขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือ (North Caucasian Federal District) และ 9) เขตสหพันธ์ไครเมีย (Crimean Federal District) จัดตั้งเมื่อ 21 มี.ค.2557 หลังจากผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งแต่ละเขตสหพันธ์ยังแบ่งย่อยเป็น สาธารณรัฐ (Republics) ดินแดน (Territories) แคว้น (Provinces) นครสหพันธ์ (Federal cities) แคว้นปกครองตนเอง (Autonomous oblast) และเขตปกครองตนเอง (Autonomous districts)

                    สหพันธรัฐ ประกอบด้วย หน่วยการปกครองรวมทั้งหมด 85 หน่วย แบ่งเป็น 22 สาธารณรัฐ (Republics) 9 เขตการปกครอง (Krais) 46 มณฑล (Oblasts) 3 นคร (Federal cities) ได้แก่ มอสโก      เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเซวาสโตปอล ซึ่งมีสถานภาพเดียวกับมณฑล 4 ภาคปกครองตนเอง (Autonomous Okrugs) และ 1 มณฑลปกครองตนเอง (Autonomous Oblast)

                    การเมืองภายในรัสเซียยังมีเสถียรภาพ รัฐบาลสามารถควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่สนับสนุนนาย Navalny ซึ่งศาลรัสเซียพิพากษาให้จำคุกฐานละเมิดทัณฑ์บนปี 2556 จากข้อหายักยอกเงิน และเพิ่มอีก 19 ปี ฐานก่อตั้งและจัดหาเงินทุนสนับสนุนองค์กรหัวรุนแรงเมื่อ 8 ก.พ.2560 ทั้งนี้ ในห้วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ มี.ค.2567 นาย Navalny เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ลงคะแนนต่อต้านประธานาธิบดีปูติน และเรียกร้องให้ประชาชนรัสเซียออกมารวมตัวกันประท้วงเวลาเที่ยงของ 17 มี.ค.2567 แต่นาย Navalny เสียชีวิตก่อนในระหว่างถูกจำคุก หลังทำกิจกรรมเดินออกกำลังกายที่เรือนจำไซบีเรียเมื่อ 16 ก.พ.2567  

                  การปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครนที่ยืดเยื้อตั้งแต่ 24 ก.พ.2565 ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจจากผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล อาทิ การสั่งระดมพลสำรองจำนวน 300,000 คน ทำให้เกิดการประท้วงใน 38 เมือง และเมื่อ ก.ค.2566 สภาผู้แทนราษฎรรัสเซียลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายปรับเพิ่มอายุสูงสุดสำหรับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็น 30 ปี (มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 ม.ค.2567) และห้ามชายชาวรัสเซียที่ได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลรัสเซียปราบปรามกลุ่ม ผู้ประท้วงอย่างหนัก โดยมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี ข้อหาทำให้กองทัพเสื่อมเสียชื่อเสียง เผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับปฏิบัติการทหารของรัสเซียในยูเครน หรือยุยงให้ผู้ที่ไม่บรรลุนิติภาวะเข้าร่วมการประท้วง และการเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัสเซียตามแนวชายแดน อาทิ กองกำลังเสรีภาพแห่งรัสเซีย (Freedom of Russia Legion-LSR) ร่วมกับกองพันไซบีเรียน (Siberian Battalion) กองพลอาสมัครรัสเซีย (The Russian Volunteer Corps-RVC) และกลุ่มต่อต้าน Ichkerian volunteers รวมทั้งปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

                    ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งวาระละ 6 ปี มีอำนาจแต่งตั้ง นรม. และ ครม. การแต่งตั้ง นรม. ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ประธานาธิบดีมีอำนาจสั่งการโดยตรงต่อ รมต. หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และมีอำนาจยุบสภา ประธานาธิบดีปูตินดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 5 เมื่อ 7 พ.ค.2567

                    ปัจจุบันรัสเซียมีทั้งหมด 21 กระทรวง 20 หน่วยงานขึ้นตรง (Federal Services and Agencies) 2 นิติบุคคล จัดตั้งโดยรัฐเพื่อภารกิจเฉพาะ และมี 3 กองทุนของรัฐบาล โดยโครงสร้างบริหารหน่วยงานของรัฐแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1) ภายใต้กำกับดูแลของประธานาธิบดีจำนวน 14 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม หน่วยข่าวกรอง 2) หน่วยงานระดับกระทรวงภายใต้กำกับดูแลของรัฐบาล จำนวน 16 กระทรวง อาทิ กระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษา และ 3) หน่วยงานของรัฐภายใต้กำกับดูแลของรัฐบาล จำนวน 10 หน่วยงาน

                       ฝ่ายนิติบัญญัติ : เป็นระบบ 2 สภา รัฐสภา ประกอบด้วย 1) สภาสหพันธรัฐ (Federation Council) หรือสภาสูง มีสมาชิก 170 คน (โดยผู้บริหารระดับสูงและ จนท.กฎหมายจากเขตการปกครอง 83 เขต แต่งตั้งเขตละ 2 คน) วาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี และ 2) สภาผู้แทนราษฎร (Duma) มีสมาชิก 450 คน ใช้วิธีการเลือกตั้งแบบผสม คือ การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 225 คน และระบบสัดส่วนหรือบัญชีรายชื่อของพรรค 225 คน วาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี (ขยายจากเดิมวาระละ 4 ปีนับแต่การเลือกตั้ง เมื่อ 4 ธ.ค.2554) การเลือกตั้งครั้งล่าสุดห้วง 17-19 ก.ย.2564 พรรค United Russia ได้รับเลือกมากที่สุด 50.88% ได้ 324 ที่นั่ง (ลดลง 19 ที่นั่ง) พรรค Communist Party of the Russian Federation ได้ 57 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 15) พรรค A Just Russia ได้ 27 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 4) พรรค Liberal Democratic Party of Russia ได้ 21 ที่นั่ง (ลดลง 18) พรรค New People ได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก 13 ที่นั่ง พรรค Rodina ได้ 1 ที่นั่ง (เท่าเดิม) พรรค Party of Growth ได้ 1 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 1) พรรค Civic Platform ได้ 1 ที่นั่ง (เท่าเดิม) และผู้สมัครอิสระ 5 ที่นั่ง (เพิ่มขึ้น 4) การเลือกตั้ง ครั้งต่อไปกำหนดจัดขึ้นภายใน 20 ก.ย.2569

                       การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่สำคัญของรัสเซีย อาทิ ปี 2555 เพิ่มนิยาม “Foreign Agents” ในกฎหมายควบคุม NGOs ปี 2560 กฎหมายควบคุมสื่อมวลชน ปี 2562 รัสเซียแก้ไขปรับปรุงกฎหมายครั้งใหญ่โดยพิจารณากลั่นกรองและยกเลิกกฎระเบียบเก่าที่ล้าสมัยซึ่งนำโดยนายดมิตรี เมดเวเดฟ (นรม.ขณะนั้น) อาทิ กฎหมายอธิปไตยทางอินเทอร์เน็ตของรัสเซีย (Sovereign Internet Law) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ย.2562 นอกจากนี้ มีการแก้ไขกฎหมายสำคัญหลายฉบับปี 2563 อาทิ กฎหมายให้สัญชาติรัสเซียแก่ชาวต่างชาติ กฎหมายสินทรัพย์การเงินดิจิทัลในรัสเซีย และปี 2565 รัสเซียปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลายฉบับเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนที่รัสเซียเข้าครอบครอง บทลงโทษที่เกี่ยวเนื่องกับปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน รวมถึงการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ การแสดงออก และกฎหมายต่อต้านกลุ่มหลากหลายทางเพศ เช่น เพิ่มบทลงโทษการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในยูเครน หรือสร้างความเสื่อมเสียแก่กองทัพรัสเซีย บังคับให้ภาคธุรกิจจัดหาสินค้าให้กับกองทัพเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการในยูเครน และสนธิสัญญาผนวกดินแดนกับผู้บริหารแคว้นโดเนสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย หลังส่วนบริหารท้องถิ่นเสร็จสิ้นการจัดทำประชามติผนวกดินแดนกับรัสเซียระหว่าง 23-27 ก.ย.2565 (15% ของพื้นที่ยูเครน)

                       ฝ่ายตุลาการ : ใช้ระบบประมวลกฎหมาย (Civil Law) และพัฒนาการกฎหมายรัสเซียได้รับอิทธิพลจากการกฎหมายสังคมนิยม (Socialist Law) สำหรับกระบวนพิจารณาของศาลได้รับอำนาจจากรัฐธรรมนูญรัสเซีย เป็นอิสระจากอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร มีการปรับโครงสร้างครั้งล่าสุดเมื่อปี 2557 ปัจจุบัน รัสเซียมีศาลรัฐธรรมนูญแห่งสหพันธรัฐ (Constitutional Court) โดยมีศาลรัฐธรรมนูญรัฐต่าง ๆ จำนวน 16 ศาล ขณะที่ศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐ (Supreme Court) มีเขตอำนาจศาล 1) พิจารณาคดีทั่วไป ได้แก่ คดีแพ่ง (แพ่ง/ครอบครัว/แรงงาน) คดีอาญา คดีปกครอง คดีการเมือง (ระดับ รัฐ/เมือง/เขต/ท้องถิ่น) และมีระบบศาลชำนัญพิเศษ ได้แก่ ศาลทหาร (ระดับ ทหารภาคและทหารเรือ/ทหารในฐานทัพ) และ 2) คดีพาณิชย์ (ระดับภาค/อุทธรณ์/รัฐและเมือง) โดยครอบคลุมศาลเมืองมอสโกและศาลทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นการรวมศาลพาณิชย์สูงสุดเข้ากับศาลฎีกา เมื่อ ก.พ.2556 เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการพิจารณาคดี

                    พรรคการเมือง : ระบบหลายพรรค พรรคการเมืองที่สำคัญ ได้แก่ 1) พรรค United Russia เป็นพรรครัฐบาล (ปี 2567 มี 323 ที่นั่ง) มี นายดมิตรี เมดเวเดฟ เป็นหัวหน้าพรรค 2) พรรค Communist Party of the Russian Federation (CPRF) (57 ที่นั่ง) มีนาย Gennady Zyuganov เป็นหัวหน้าพรรค 3) พรรค Just Russia (JR) (28 ที่นั่ง) มีนาย Sergey Mironov เป็นหัวหน้าพรรค 4) พรรค Liberal Democratic Party of Russia (LDPR) (23 ที่นั่ง) มีนาย Leonid Slutsky เป็นหัวหน้าพรรค 5) พรรค New People (NP) (15 ที่นั่ง) มีนาย Alexey Nechayev เป็นหัวหน้าพรรค และ 6) สมาชิกอิสระ 2 ที่นั่ง) และ 7) ว่าง 2 ที่นั่ง

  • เศรษฐกิจ:

                    รัสเซียมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลก มีถ่านหินสำรองมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับ 8 ของโลก รัสเซียผลิตและส่งก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับ 1 ของโลก ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 และส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลก (ปี 2565 สัดส่วน 9.14%) รัฐบาลสะสมทองคำ 2,350 ตัน (มูลค่า 155,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ธ.ค.2566) และเป็นประเทศที่ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมในอันดับต้นของโลก อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจรัสเซียพึ่งพาภาคการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้ประสบปัญหาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกและมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ โดยสามารถจัดเก็บรายได้จากการส่งออกพลังงานในปี 2566 จำนวน 99,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2563

                    เศรษฐกิจรัสเซียเมื่อปี 2560 เริ่มฟื้นตัวจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัสเซียเอง ทั้งการส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ การขยายตัวของภาคเกษตรกรรม และการแสวงหาตลาดส่งออกให้มีความหลากหลายในทุกภูมิภาค และการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ ค่าเงินรูเบิลมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันดิบลดความผันผวนลง เนื่องจากข้อตกลงการจำกัดการผลิตน้ำมันของ OPEC (รูเบิลเคยผันผวนตามราคาน้ำมันมากที่สุดถึง 80% เมื่อปี 2558 โดยปี 2560 ลดเหลือ 30%) อย่างไรก็ตาม การคงมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียทำให้รัสเซียแสวงหาตลาดส่งออกใหม่อย่างจริงจัง เพื่อชดเชยตลาดยุโรปที่ยังเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของรัสเซีย

                    ปี 2561-2563 รัสเซียยังคงได้เปรียบดุลการค้ายุโรป โดยสินค้าที่ยุโรปนำเข้าจากรัสเซียส่วนใหญ่ ได้แก่ วัตถุดิบ พลังงาน และอาหาร โดยปี 2562 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (European Union-EU) ที่นำเข้าสินค้าปริมาณมากอันดับต้น ได้แก่ ฟินแลนด์ ลิทัวเนีย ขณะที่ประเทศที่นำเข้ามูลค่าสูงอันดับต้น คือ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโปแลนด์ นอกจากนี้ รัสเซียแสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทั้งระดับทวิภาคี เฉพาะอย่างยิ่งจีน อินเดีย อิหร่าน สิงคโปร์ และซาอุดีอาระเบีย และการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union-EAEU) ที่รัสเซียเป็นแกนนำ รวมถึงการประกาศนโยบาย Turn to the east/Look East โดยให้ความสําคัญกับภูมิภาคเอเชียทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับการพัฒนาในประเทศที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนจากเอเชียแปซิฟิกที่มีศักยภาพ (เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น) ให้มาลงทุนรัสเซีย

                    รัสเซียยังร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกให้มีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี ห้วงปี 2563 ภาคผู้ประกอบการน้ำมันของรัสเซีย ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี เนื่องจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ปฏิเสธการปรับลดการผลิตน้ำมันตามข้อเสนอของ OPEC เมื่อ 6 มี.ค.2563 และความต้องการน้ำมันของโลกลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 ทั้งนี้ เมื่อ 10 มิ.ย.2563 นรม.มิคาอิล มิชูสติน  อนุมัติแผนยุทธศาสตร์พลังงานรัสเซีย ปี 2578 (Energy Strategy 2035)

                    ตลาดหลักทรัพย์รัสเซีย คือ MICEX-RTS เป็นการรวมตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่งสำคัญ เมื่อ ธ.ค.2554 ระหว่าง Russian Trading System (RTS) กับ Moscow Interbank Currency Exchange (MICEX) ทั้งนี้ ลักษณะพื้นฐานระบบการเงินและธนาคารรัสเซียมีผู้ประกอบการสถาบันการเงินกว่า 396 ธนาคาร โดยมีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จำนวน 3 ราย ถือครองทรัพย์สินกว่า 51.4% ของทรัพย์สินธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในรัสเซีย (สถานะเมื่อ 1 มี.ค.2563) โดยมีรัฐบาลถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ Sberbank และ VTB Group และเป็นของเอกชนคือ Alfa Bank ทั้งนี้ ธนาคารต่างชาติในรัสเซียไม่อนุญาตให้จัดตั้งในลักษณะสาขา แต่สามารถจัดตั้งบริษัทย่อย ตามเงื่อนไขการจดทะเบียนขออนุญาต

                    รัสเซียเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปี 2565 อยู่ที่ -1.2% และเริ่มขยายตัวในปี 2566 อยู่ที่ 3.6% เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ การจัดสรรงบประมาณในการปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่การส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งเป็นรายได้หลักของรัสเซียลดลงจากการสูญเสียตลาดส่งออกในยุโรป รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของชาติตะวันตก ได้แก่ การอายัดทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย และการตัดรัสเซียออกจากระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ (SWIFT) ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของรัสเซีย อย่างไรก็ดี รัสเซียเร่งพัฒนาระบบการชำระเงินทั้งภายในประเทศ ระหว่างประเทศ (อาทิ ระบบชำระเงิน Mir) และขยายความร่วมมือการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในกรอบความร่วมมือพหุภาคีที่รัสเซียมีบทบาทนำ เฉพาะอย่างยิ่ง BRICS

     

                    สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน :  รูเบิล (Ruble : หรือ RUB)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ :  96.8 รูเบิล/ดอลลาร์สหรัฐ (23 ต.ค.2567) 

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 บาท :  (อัตรากลาง) 2.87 รูเบิล (23 ต.ค.2567)  

  • ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ:

                    รัสเซียมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีก๊าซธรรมชาติสำรองมากที่สุดในโลก มีถ่านหินสำรองมากเป็นอันดับ 2 ของโลก มีน้ำมันดิบสำรองมากเป็นอันดับ 8 ของโลก รัสเซียผลิตและส่งก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับ 1 ของโลก ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 และส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลก (ปี 2565 สัดส่วน 9.14%) รัฐบาลสะสมทองคำ 2,350 ตัน (มูลค่า 155,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ธ.ค.2566) และเป็นประเทศที่ส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมในอันดับต้นของโลก อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจรัสเซียพึ่งพาภาคการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก ทำให้ประสบปัญหาจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกและมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ โดยสามารถจัดเก็บรายได้จากการส่งออกพลังงานในปี 2566 จำนวน 99,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2563

                    เศรษฐกิจรัสเซียเมื่อปี 2560 เริ่มฟื้นตัวจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัสเซียเอง ทั้งการส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ การขยายตัวของภาคเกษตรกรรม และการแสวงหาตลาดส่งออกให้มีความหลากหลายในทุกภูมิภาค และการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ ค่าเงินรูเบิลมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการที่ราคาน้ำมันดิบลดความผันผวนลง เนื่องจากข้อตกลงการจำกัดการผลิตน้ำมันของ OPEC (รูเบิลเคยผันผวนตามราคาน้ำมันมากที่สุดถึง 80% เมื่อปี 2558 โดยปี 2560 ลดเหลือ 30%) อย่างไรก็ตาม การคงมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียทำให้รัสเซียแสวงหาตลาดส่งออกใหม่อย่างจริงจัง เพื่อชดเชยตลาดยุโรปที่ยังเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของรัสเซีย

                    ปี 2561-2563 รัสเซียยังคงได้เปรียบดุลการค้ายุโรป โดยสินค้าที่ยุโรปนำเข้าจากรัสเซียส่วนใหญ่ ได้แก่ วัตถุดิบ พลังงาน และอาหาร โดยปี 2562 ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (European Union-EU) ที่นำเข้าสินค้าปริมาณมากอันดับต้น ได้แก่ ฟินแลนด์ ลิทัวเนีย ขณะที่ประเทศที่นำเข้ามูลค่าสูงอันดับต้น คือ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และโปแลนด์ นอกจากนี้ รัสเซียแสวงหาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทั้งระดับทวิภาคี เฉพาะอย่างยิ่งจีน อินเดีย อิหร่าน สิงคโปร์ และซาอุดีอาระเบีย และการจัดทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union-EAEU) ที่รัสเซียเป็นแกนนำ รวมถึงการประกาศนโยบาย Turn to the east/Look East โดยให้ความสําคัญกับภูมิภาคเอเชียทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ สอดคล้องกับการพัฒนาในประเทศที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักลงทุนจากเอเชียแปซิฟิกที่มีศักยภาพ (เช่น จีน เกาหลี และญี่ปุ่น) ให้มาลงทุนรัสเซีย

                    รัสเซียยังร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันเพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกให้มีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี ห้วงปี 2563 ภาคผู้ประกอบการน้ำมันของรัสเซีย ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี เนื่องจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ซาอุดีอาระเบียเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบโต้รัสเซียที่ปฏิเสธการปรับลดการผลิตน้ำมันตามข้อเสนอของ OPEC เมื่อ 6 มี.ค.2563 และความต้องการน้ำมันของโลกลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค COVID-19 ทั้งนี้ เมื่อ 10 มิ.ย.2563 นรม.มิคาอิล มิชูสติน  อนุมัติแผนยุทธศาสตร์พลังงานรัสเซีย ปี 2578 (Energy Strategy 2035)

                    ตลาดหลักทรัพย์รัสเซีย คือ MICEX-RTS เป็นการรวมตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่งสำคัญ เมื่อ ธ.ค.2554 ระหว่าง Russian Trading System (RTS) กับ Moscow Interbank Currency Exchange (MICEX) ทั้งนี้ ลักษณะพื้นฐานระบบการเงินและธนาคารรัสเซียมีผู้ประกอบการสถาบันการเงินกว่า 396 ธนาคาร โดยมีธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จำนวน 3 ราย ถือครองทรัพย์สินกว่า 51.4% ของทรัพย์สินธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในรัสเซีย (สถานะเมื่อ 1 มี.ค.2563) โดยมีรัฐบาลถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ Sberbank และ VTB Group และเป็นของเอกชนคือ Alfa Bank ทั้งนี้ ธนาคารต่างชาติในรัสเซียไม่อนุญาตให้จัดตั้งในลักษณะสาขา แต่สามารถจัดตั้งบริษัทย่อย ตามเงื่อนไขการจดทะเบียนขออนุญาต

                    รัสเซียเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปี 2565 อยู่ที่ -1.2% และเริ่มขยายตัวในปี 2566 อยู่ที่ 3.6% เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ การจัดสรรงบประมาณในการปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่การส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งเป็นรายได้หลักของรัสเซียลดลงจากการสูญเสียตลาดส่งออกในยุโรป รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินของชาติตะวันตก ได้แก่ การอายัดทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของธนาคารกลางรัสเซีย และการตัดรัสเซียออกจากระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ (SWIFT) ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของรัสเซีย อย่างไรก็ดี รัสเซียเร่งพัฒนาระบบการชำระเงินทั้งภายในประเทศ ระหว่างประเทศ (อาทิ ระบบชำระเงิน Mir) และขยายความร่วมมือการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในกรอบความร่วมมือพหุภาคีที่รัสเซียมีบทบาทนำ เฉพาะอย่างยิ่ง BRICS

     

                    สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน :  รูเบิล (Ruble : หรือ RUB)

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ :  96.8 รูเบิล/ดอลลาร์สหรัฐ (23 ต.ค.2567) 

                    อัตราแลกเปลี่ยนต่อ 1 บาท :  (อัตรากลาง) 2.87 รูเบิล (23 ต.ค.2567)  

  • การทหาร:

    ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) : 1,997,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2566)

    อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ : 3.6% (ปี 2566) และคาดการณ์ 3.9% (ปี 2567)

    รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 13,324 ดอลลาร์สหรัฐ

    งบประมาณ : เกินดุลประมาณ 1,730 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ก.ย.2567)

    หนี้ต่างประเทศ : 306,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ก.ย.2567)

    หนี้สาธารณะ : 14.6% ของ GDP (มี.ค.2567)

    ดุลบัญชีเดินสะพัด : เกินดุล 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไตรมาสที่ 2 ของปี 2567)

    ทุนสำรองระหว่างประเทศ : 63,3737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ก.ย.2567 )

    แรงงาน : 74.4 ล้านคน (มิ.ย.2567)

    อัตราการว่างงาน : 2.4% (2567)

    อัตราเงินเฟ้อ: 8.6% (ก.ย.2567)

    ดุลการค้าระหว่างประเทศ : เกินดุล 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ส.ค.2567)

    มูลค่าการส่งออก : 403,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2566)

    สินค้าส่งออก : ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ โลหะ เคมีภัณฑ์ สินค้าเกษตร เครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์ อัญมณีและโลหะมีค่า ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สิ่งทอและรองเท้า ผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ทั้งด้านพลเรือนและการทหาร

    ตลาดส่งออก : จีน 31.7% อินเดีย 15.1% ตุรกี 11.3% คาซัคสถาน 4% บราซิล 2.5%

    มูลค่าการนำเข้า : 214,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2566)

    สินค้านำเข้า : เครื่องจักรกลและส่วนประกอบยานพาหนะ (ไม่รวมประเภทราง) เครื่องจักรกลไฟฟ้าและส่วนประกอบ เภสัชภัณฑ์ พลาสติก อุปกรณ์และอุปกรณ์ทางทัศนศาสตร์ เคมีภัณฑ์ผลไม้/ถั่วต่างๆ รองเท้า สนับแข้งและของที่คล้ายกัน ของทําด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า

    ตลาดนำเข้า : จีน 52% ตุรกี 5.1% คาซัคสถาน 4.6% เยอรมนี 4.5% เกาหลีใต้ 2.9% (ปี 2566)

     

    การทหาร    รัสเซียเป็นมหาอำนาจด้านการทหารและมีคลังอาวุธนิวเคลียร์ Arms Control Association ประเมินเมื่อปี 2567 ว่า รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,580 ลูก รัสเซียเริ่มปฏิรูปการทหารตั้งแต่ปลายปี 2551 ทั้งการบริหารจัดการกำลังพลด้วยการขึ้นเงินเดือนและเงินบำนาญเมื่อต้นปี 2555 เพื่อดึงดูดบุคลากร พร้อมกับพยายามลดการเกณฑ์ทหารเพื่อเพิ่มทหารอาชีพ จัดสรรอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เข้าประจำการในกองทัพตามแผนปรับปรุงภายในปี 2563 ตั้งเป้าหมายยกระดับการพัฒนาอาวุธไว้ 70% มีการฝึกทางทหารอย่างสม่ำเสมอทั้งภายในและกับประเทศพันธมิตร เช่น เบลารุส จีน มองโกเลีย และประเทศอดีตสหภาพโซเวียต รวมถึงการฝึกแบบฉับพลัน และพัฒนากองกำลังรบให้มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง รัสเซียประกาศหลักนิยมทางทหารใหม่ เมื่อ ธ.ค.2557 และหลักนิยมทางทะเลใหม่ เมื่อ ก.ค.2560 และระบุว่า การรับสมาชิกใหม่ของเนโต โดยเฉพาะยูเครน จอร์เจีย และมอลโดวา เป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อรัสเซีย รวมถึงการรับมอนเตเนโกร เป็นสมาชิกเนโตอย่างเป็นทางการเมื่อ 5 มิ.ย.2560 เนื่องจากเป็นการลดทอนอิทธิพลของรัสเซียในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ รัสเซียประกาศใช้หลักการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Basic Principles of the State Policy of the Russian Federation on Nuclear Deterrence) เมื่อ 19 พ.ย.2567 ที่ขยายขอบเขตถึงประเทศพันธมิตร และการรุกรานจากรัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศที่มีนิวเคลียร์ และประกาศใช้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Strategy) ฉบับปี 2564 เมื่อ 2 ก.ค.2564 ที่จะให้ความสำคัญกับการคุ้มครอง การพัฒนาศักยภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพลเมืองรัสเซีย รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพด้าน  การป้องกันประเทศ และส่งเสริมความสามัคคีในสังคมรัสเซีย สำหรับแผนอาวุธยุทโธปกรณ์แห่งชาติรัสเซียฉบับใหม่ ปี 2570 (State Armament program 2027/Gosudarstvennaya Programma Vooruzheniya-GPV) จะมุ่งเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการ  ป้องปรามเชิงยุทธศาสตร์ และการรับมือภัยคุกคามจากภายนอก

                    ทั้งนี้ ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนทั้งทางทะเลและอากาศเป็นโอกาสของรัสเซีย ในการแสดงขีดความสามารถทางทหารและประสิทธิภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งมีผลต่อการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียจากประเทศต่าง ๆ ขณะเดียวกัน ก็สร้างความวิตกกังวลให้เนโตว่าจะเผชิญภัยคุกคามจากรัสเซียมากขึ้น

                    โครงสร้างองค์กรในกองทัพรัสเซีย ประกอบด้วย ผู้บัญชาการสูงสุด คือ ประธานาธิบดี โดยมี รมว.กห.รัสเซีย 1 คน รมช.กระทรวงกลาโหม 12 คน โดยมี 3 เหล่าทัพและ 2 กองกำลัง ได้แก่ บก เรือ อากาศ (และอวกาศ) ขีปนาวุธยุทธศาสตร์ และกองพลร่ม

                    กองทัพรัสเซียมี 5 ภาค คือ ตะวันออก กลาง เหนือ (Northern Fleet ครอบคลุมมหาสมุทรอาร์กติก) ตะวันตก และใต้ รวมกำลังพล 1,100,000 นาย ได้แก่ ทบ. 500,000 นาย ทร. 140,000 นาย ทอ. 165,000 นาย รัสเซียมีกำลังพลประจำ กองพลขีปนาวุธยุทธศาสตร์ 50,000 นาย กองพลร่ม 35,000 นาย กองปฏิบัติการพิเศษ 1,000 นาย กองกำลังทางรถไฟ 29,000 นาย กองกำลังบังคับบัญชาและสนับสนุน 180,000 นาย และกำลังรบกึ่งทหาร 559,000 นาย นอกจากนี้ มีกำลังพลสำรอง 1,500,000 นาย

                    กำลังทหารในประเทศอดีตสหภาพโซเวียตรวม 7 ประเทศ ได้แก่ 1) อาร์เมเนีย มีทหารรัสเซีย 3,200 นาย ประจำการฐานทัพที่ 102 ที่ Gyumri และที่ฐานทัพอากาศเยเรวาน โดยรัสเซียเช่าฐานทัพจนถึง    ปี 2587 2) เบลารุส มีระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมกับรัสเซีย และรัสเซียส่ง บ.ขับไล่แบบ Su-27 และขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแบบ S-300 โดยรัสเซียเช่าสถานีเรดาร์ที่ Baranovichi และมีศูนย์บัญชาการทางทะเล 1 แห่ง ทหารรัสเซีย 1,500 นาย 3) จอร์เจีย มีทหารรัสเซีย 4,500 นาย ที่ฐานทัพในอับคาเซียและออสเซเตียใต้ (ซึ่งแยกตัวจากจอร์เจีย) โดยเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการทหารจนถึงปี 2602 4) มอลโดวา มีทหารรัสเซียประมาณ 1,500 นาย (รวมถึงทหารรักษาสันติภาพ 400 นาย) ประจำการในเขต Transdniestria 5) คาซัคสถาน รัสเซียเช่าสถานีเรดาร์ที่ Balkhash 6) คีร์กีซสถาน รัสเซียเช่าฐานทัพอากาศ Kant ที่ขยายเวลาเช่าจนถึงปี 2570 โดยเมื่อ พ.ย.2562 รัสเซียสนับสนุนเงินให้กองทัพคีร์กีซสถานกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับระบบเรดาร์  7) ทาจิกิสถาน มีทหารรัสเซีย 7,500 นาย ประจำกรมทหารราบที่ 201 ในทาจิกิสถาน และจะขยายเวลาเช่าถึงปี 2585 นอกจากนี้ รัสเซียยังรวม ทอ. (Air Force) เข้ากับกองกำลังป้องกันการบินและอวกาศ (Aerospace Defence Forces) แล้วตั้งใหม่เป็นกองทัพการบินและอวกาศ (Aerospace Forces) เมื่อ 1 ส.ค.2558 โดยเมื่อ ต.ค.2562 รัสเซียสนับสนุนเงินให้กองทัพทาจิกิสถานกว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 8) ซีเรีย เช่าฐานทัพเรือที่เมือง Tartus ของซีเรีย เพื่อส่งกำลังบำรุงและให้ความสนับสนุนทางเทคนิคแก่เรือรบรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งสนับสนุนการปราบปรามโจรสลัดในอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย มีทหารรัสเซียประจำการ 7,000 นาย

                    รัสเซียมีทหาร 150,000 นาย ประจำการอยู่ที่ เมือง Donetsk เมือง Kherson เมือง Luhansk เมือง Zaporizhzhia และ 25,000 นาย ในคาบสมุทรไครเมีย นอกจากนี้ รัสเซียและเวียดนามทำข้อตกลงอนุญาตให้เรือรบรัสเซียเข้าเทียบท่าที่อ่าวคัมรานห์ เมื่อ พ.ย.2557 ต่อมา เมื่อ ก.พ.2558 รัสเซียทำข้อตกลงขอใช้ท่าเรือของเวเนซุเอลา นิการากัว คิวบา และไซปรัส เพื่อส่งกำลังบำรุงหรือการซ่อมแซมให้แก่เรือรบรัสเซีย รวมถึงการขอใช้สนามบินในบางโอกาสเพื่อเป็นจุดแวะพักเติมเชื้อเพลิงให้แก่ บ.ทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียขณะลาดตระเวน

                    รัสเซียเคยส่งทหารร่วมกองกำลังรักษาสันติภาพของ OSCE ในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และในโคโซโว และส่งทหารร่วม กกล.รักษาสันติภาพของสหประชาชาติในโกตดิวัวร์ คองโก ไลบีเรีย ตะวันออกกลาง เซาท์ซูดาน ซาฮาราตะวันตก อย่างไรก็ตาม ปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้รัสเซียต้องการถอนตัวออกจาก OSCE โดยเมื่อ ก.ค.2567 รัฐสภารัสเซียผ่านร่างมติการไม่เข้าร่วม OSCE Parliamentary Assembly เนื่องจากเห็นว่า OSCE มีสองมาตรฐาน และสร้างกระแสเกลียดชังรัสเซีย

                  งบประมาณด้านการทหารปี 2565 จำนวน 74,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 74,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2567 จำนวนประมาณ 117,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

                    ทบ. มีกำลังพลประมาณ 500,000 นาย แบ่งเป็นเขตยุทธศาสตร์ 4 เขต คือ 1) West ศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 2) Centre ศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่เยคาเตรินเบิร์ก 3) South ศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ Rostov-on-Don และ 4) East ศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ Khabarovsk และมีศูนย์บัญชาการยุทธศาสตร์ร่วม ยุทโธปกรณ์สำคัญ ได้แก่ ถ.หลัก 1,750 คัน (รุ่น T-62M/MV 150 คัน, T-72B/BA 400 คัน T-72B3 500 คัน, T-72B3M 250 คัน, T-80BV/U 100 คัน, T-90A 200 T-90M 100) และมี ถ.อยู่ในคลัง  ไม่น้อยกว่า 4,000 คัน (รุ่น T-62M, T-62MV, T-72, T-72A, T-72B, T-80B, T-80BV, T-80U, T-90 และ  T-90A) ยานลาดตระเวน BRM-1K (CP) 200 คัน ในคลังอีก 100 คัน (รุ่น BRDM-2 และ BRDM -2A) ยานรบทหารราบหุ้มเกราะ 4,050 คัน (เช่น รุ่น BMP-1 800 คัน BMP-2 2,150 คัน BMP-3 350 คัน BTR-80A  100 คัน BTR-82A/AM 700 คัน โดยมีรุ่น BMP-1 และ BMP-2 อยู่ในคลังอีก 2,800 คัน) ยานสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะไม่น้อยกว่า 2,500 คัน (รุ่น BMO-T MT-LB และ BRT-60/70/80) ปืนใหญ่ 4,397 กระบอก

                    ส่วนระบบป้องกันภัยทางอากาศมีอาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศไม่น้อยกว่า 1,520 ชุด เช่น แบบระยะไกล S-300V4 (RS-SA-23) แบบระยะกลาง 9K37M1-2 Buk-M1-2 (RS-SA-11 Gadfly), 9K317 Buk-M2 (RS-SA-17 Grizzly) และ 9K317M Buk-M3 (RS-SA-27) แบบระยะใกล้ Tor-M1/M2/M2U (RS-SA-15 Gauntlet) อาวุธปล่อยแบบประทับบ่ายิง เช่น แบบ 9K310 Igla-1 (RS-SA-16 Gimlet), 9K34 Strela-3  (RS-SA-14 Gremlin), 9K38 Igla (RS-SA-18 Grouse); 9K333 Verba (RS-SA-29 Gizmo) และ 9K338 Igla-S (RS-SA-24 Grinch) บ.ไร้คนขับ แบบหนัก Tu-243 Reys และ Tu-243 Reys D แบบเบา Pchela-1 และ Pchela-2 อาวุธปล่อยพื้นสู่พื้น เช่น แบบ 9K79-1 Tochka-U (RS-SS-21B Scarab) และ 9M728    (RS-SSC-7 Southpaw)

                    ทร. มีกำลังพลประมาณ 140,000 นาย กองเรือใหญ่แบ่งเป็น 4 ภาค ได้แก่ กองเรือภาคเหนือ (Northern Fleet) กองเรือภาคทะเลบอลติก (Baltic Fleet) กองเรือภาคทะเลดำ (Black Sea Fleet) และกองเรือภาคแปซิฟิก (Pacific Fleet) นอกจากนี้ ยังมีกองเรือเล็กทะเลแคสเปียน (Caspian Sea Flotilla) ยุทโธปกรณ์สำคัญ ได้แก่ เรือดำน้ำทางยุทธศาสตร์ 50 ลำ เรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ (SSBN) 12 ลำ (เป็น Kalmar (Delta III) 3 ลำ Delfin (Delta IV) 6 ลำ Borey (Dolgorukiy) 3 ลำ และ Borey-A (Project 955A) 3 ลำ ทางยุทธวิธี มี 38 ลำ แยกเป็นเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ติดอาวุธปล่อยนำวิถี (SSGN) 9 ลำ เรือดำน้ำโจมตีพลังนิวเคลียร์ (SSN) 10 ลำ และเรือดำน้ำสามารถทำสงครามปราบเรือดำน้ำ (SSK) 19 ลำ (ได้แก่ Paltus (Kilo) 9 ลำ Varshavyanka (Kilo) 10 ลำและ Lada 1 ลำ

                    เรือรบหลักมี 33 ลำ ได้แก่ เรือบรรทุกเครื่องบิน Orel (Kuznetsov) 1 ลำ เรือลาดตระเวน 3 ลำ เรือพิฆาต 11 ลำ เรือฟริเกต 18 ลำ ส่วนเรือตรวจการณ์ชายฝั่งมี 44 ลำ อาทิ เรือคอร์เวต 42 ลำ เรือสะเทินน้ำสะเทินบก 46 ลำ (เรือยกพลขึ้นบก 20 ลำ เรือระบายพล 26 ลำ) และเรือส่งกำลังบำรุงและสนับสนุน 284 ลำ

                       ทอ. มีกำลังพลประมาณ 165,000 นาย ศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ Balashikha ใกล้มอสโก และมีระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมในกลุ่มเครือรัฐเอกราช (CIS) ครอบคลุมรัสเซีย อาร์เมเนีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ยูเครน และอุซเบกิสถาน ยุทโธปกรณ์สำคัญ ได้แก่ บ.รบรวม 1,169 เครื่อง เป็น บ.ทิ้งระเบิด 129 เครื่อง (แบบ Tu-22M3/MR Backfire C 60 เครื่อง, Tu-22MR Blackfire 1 เครื่อง Tu-95MS/MS Bear 33 เครื่อง Tu-95MSM mod Bear 27 เครื่อง Tu-160 Blackjack 7 เครื่อง Tu-160 mod Blackjack 7 เครื่อง และ Tu-160M Blackjack 2 เครื่อง-ระหว่างทดสอบ) บ.ขับไล่ 188 เครื่อง (แบบ MiG-29/MiG-29UB Fulcrum 70 เครื่อง MiG-31BM Foxhound C 88 เครื่อง Su-27 Flanker B 12 เครื่อง และ Su-27UB Flanker C 18 เครื่อง) บ.ขับไล่/โจมตีภาคพื้นดินไมน้อยกว่า 433 เครื่อง (แบบ MiG-29SMT Fulcrum 15 เครื่อง MiG-29UBT Fulcrum 2 เครื่อง  MiG-35S/UB Fulcrum 6 เครื่อง-ระหว่างการทดสอบ, Su-27SM Flanker J 47 เครื่อง, Su-27SM3 Flanker 24 เครื่อง; Su-30M2 Flanker G 19 เครื่อง, Su-30SM Flanker H 80 เครื่อง, Su-34 Fullback 105 เครื่อง, Su-34 mod Fullback 7 เครื่อง, Su-35S Flanker M 99 เครื่อง, Su-57 Felon 6 เครื่อง บ.โจมตี 257 เครื่อง (แบบ MiG-31K 24 เครื่อง, Su-24M/M2 Fencer 68 เครื่อง, Su-25 Frogfoot 40 เครื่อง, Su-25SM/SM3 Frogfoot 110 เครื่อง และ Su-25UB Frogfoot 15 เครื่อง)
    บ.ลาดตระเวน/สอดแนม 58 เครื่อง (แบบ An-30 Clank 4 เครื่อง Su-24MR Fencer 50 เครื่อง Tu-214ON 2 เครื่อง และ Tu-214R 2 เครื่อง) บ.ติดระบบเตือนภัยล่วงหน้า 10 เครื่อง (แบบ A-50 Mainstay 3 เครื่อง, A-50U Mainstay 7 เครื่อง) บ.เติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ แบบ Il-78/Il-78M Midas รวม 15 เครื่อง บ.ขนส่ง 446 เครื่อง (ขนาดหนักรวม 125 เครื่อง เช่น แบบ An-124 Condor, An-22 Cock และ Il-76MD Candid ขนาดกลางรวม 65 เครื่อง เช่น แบบ An-12/An-12BK Cub และขนาดเบารวม 224 เครื่อง เช่น แบบ An-26 Curl, An-72 Coaler An-140 L-410 Tu-134 Crusty และ บ.โดยสารรวม 32 เครื่อง เช่น แบบ An-148-100E และ Tu-154 Careless) บ.ฝึก รวม 262 เครื่อง เช่น แบบ DA42T, L-39 Albatros และ Yak-130 Mitten

                    ส่วน ฮ.โจมตี มี 340 เครื่อง (แบบ Ka-52A Hokum B 105 เครื่อง, Mi-24D/V/P Hind 100 เครื่อง, Mi-28N Havoc B 70 เครื่อง, Mi-28UB Havoc 9 เครื่อง, Mi-35 Hind 56 เครื่อง) ฮ.ทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ 20 เครื่อง ฮ.ขนส่ง 307 เครื่อง (ขนาดหนักแบบ Mi-26/Mi-26T Halo 33 เครื่อง ขนาดกลางแบบ Mi-8/Mi-8MT/Mi-8MTsh/Mi-8MTv-5 Hip รวม 274 เครื่อง) ฮ.ฝึก 36 เครื่อง (แบบ Ka-226 19 เครื่อง และ Ansat-U 17 เครื่อง) บ.ไร้คนขับ แบบ Inokhodets, Forpost R, Mohajer 6 และ Forpost (Searcher II) ระบบป้องกันภัยทางอากาศ 714 ระบบ อาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศ เช่น แบบ S-300PS (SA-10 Grumble)/S-300PM (SA-20 Gargoyle) และ 96K6 Pantsir-S1 (SA-22 Greyhound) อาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศนำวิถีด้วยอินฟราเรดแบบ R-27T/ET (AA-10 Alamo B/D), R-73 (AA-11 Archer), R-60T (AA-8 Apid) นำวิถีด้วย semi-active radar homing แบบ R-27R/ER (AA-10 Alamo A/C), R-33/33S (AA-9 Amos A/B) เป็นต้น

  • ปัญหาด้านความมั่นคง:

              1) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก เนื่องจากการเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation-NATO) ซึ่งมีแนวโน้มขยายทิศทางประชิดรัสเซียมากขึ้น เฉพาะอย่างประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตในอดีต ส่งผลให้รัสเซียต้องสูญเสียรัฐกันชน รวมทั้งบทบาทของประเทศที่ 3 ที่เป็นปัจจัยให้การปะทะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องในพื้นที่ของยูเครนทางตะวันออก ได้แก่ แคว้นโดเนสก์ และแค้วนลูฮันก์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ แคว้นคาร์คีฟ และแคว้นซูมี และทางใต้ ได้แก่ แคว้นเคอร์ซอน และแคว้นซาปอริซเซีย

                    2)  ผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ได้แก่ แคว้นคุสค์ (ตรงข้ามแคว้นซูมีของยูเครน) ซึ่งยูเครนบุกตั้งแต่ 6 ส.ค.2567 ขณะที่รัสเซียพยายามขัดขวางบริเวณเส้นทางขนส่งทางทะเลของยูเครน และประสบความคืบหน้าในการใช้ปฏิบัติการป้องกันเชิงรุกบุกยึดและปิดล้อมเมืองของอยู่เครน รวมถึงยึดคืนพื้นที่ในแคว้นคุสค์

                    3)  รัสเซียยังคงให้ความสำคัญต่อปัญหาการก่อการร้าย เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Islamic State (IS) ที่ตั้งคอเคซัสเป็นจังหวัดหนึ่งของการสถาปนารัฐอิสลาม (ชื่อสาขา คือ Wilayat Kavkaz) หลังจากกลุ่มนิยมความรุนแรงในเชชเนีย ดาเกสถาน อินกูเชเตีย และคาบาร์ดีโน-บัลคาเรีย เผยแพร่คลิปวิดีโอเมื่อ 21 มิ.ย.2558 ให้สัตยาบันภักดีต่อกลุ่ม และโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ภาษารัสเซีย เพื่อหาสมาชิกใหม่ที่ใช้ภาษารัสเซียในคอเคซัสเหนือและผู้อพยพจากเอเชียกลาง ขณะที่กลุ่ม IS Khorasan Province (ISKP) สาขาของ IS เป็นภัยคุกคามสำคัญที่สุดของรัสเซีย โดยก่อเหตุกราดยิงพลเรือนที่ Crocus City Hall เมื่อ 22 มี.ค.2567

  • สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ:

    APEC, Arctic Council, ARF, ASEAN (ประเทศคู่เจรจา), BIS, BRICS, BSEC, CBSS, CD, CE, CERN (ผู้สังเกตการณ์), CICA, CIS, CSTO, EAEC, EAPC, EAS, EBRD, EAEU, FAO, FATF, G-20, G-8, GCTU, IAEA, IBRD, ICAO, ICC (national committees), ICRM, IDA, IFC, IFRCS, IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM (ผู้สังเกตการณ์), IPU, ISO, ITSO, ITU, ITUC (NGOs), LAIA (ผู้สังเกตการณ์), MIGA, MINURSO, MONUSCO, NSG, OAS (ผู้สังเกตการณ์), OIC (ผู้สังเกตการณ์), OPCW, OSCE, Paris Club, PCA, PFP, SCO, UN, UNCTAD, UNESCO, UNHCR, UNIDO, UNISFA, UNMIL, UNMISS, UNOCI, UNSC (แบบถาวร), UNTSO, UNWTO, UPU, WCO, WFTU (NGOs), WHO, WIPO, WMO, WTO และ ZC 

  • การขนส่งและโทรคมนาคม:

    ท่าอากาศยาน 1,218 แห่ง เส้นทางรถไฟระยะทาง 87,157 กม. ถนนระยะทาง 1,283,387 กม. และการเดินทางโดยเรือระยะทาง 102,000 กม. ทั้งในทะเลบอลติก ทะเลขาว ทะเลแคสเปียน ทะเลอาซอฟ และทะเลดำ และมีการให้บริการเรือพาณิชย์สมุทร 1,143 ลำ โดยมีของต่างชาติ 155 ลำ มีเมืองท่าที่สำคัญ ได้แก่ เมือง Kaliningrad, Nakhodka, Novorossiysk, Primorsk, Saint Petersburg และ Vostochnyy มีท่อขนส่ง condensate 122 กม. ท่อขนส่งก๊าซประมาณ 177,700 กม. ท่อขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว 1,378 กม. ท่อขนส่งน้ำมัน 80,820 กม. ท่อขนส่งน้ำมัน/ก๊าซ/น้ำ 40 กม. ท่อขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป 13,658 กม. และท่อขนส่งน้ำ 23 กม. โทรคมนาคม : มีโทรศัพท์พื้นฐานให้บริการ 32.2 ล้านเลขหมาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 231.1 ล้านเลขหมาย จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต 127 ล้านคน (2566) 92% ของประชากร
    รหัสอินเทอร์เน็ต .ru (su เป็นของสหภาพโซเวียต)

  • การเดินทาง:

    เที่ยวบินจากไทย อาทิ Emirates Air Arabia และ S7 Airlines ไปถึงเมืองใหญ่ของรัสเซีย
    ใช้เวลาประมาณ 9-12 ชั่วโมง (ไม่รวมระยะเวลาเปลี่ยนเครื่อง) ได้แก่ มอสโก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วลาดิวอสต็อก คาซาน เออร์กุสต์ และโนโวซีเบียร์สก์ เป็นต้น ทั้งนี้ ไทยและรัสเซียลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา  ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างกันเมื่อปี 2545 สามารถอยู่ในรัสเซียได้ 90 วัน ต่อมาเมื่อปี 2548 ทั้งสองฝ่ายลงนามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาระหว่างกันเพื่อจุดประสงค์ของการท่องเที่ยว สามารถอยู่ในรัสเซียได้นาน 30 วัน ขณะที่ไทยขยายระยะเวลาอนุมัตินักท่องเที่ยวรัสเซียเป็น  90 วัน ทั้งนี้ รัสเซียมีความแตกต่างของเวลาระหว่างตะวันตกกับตะวันออก 11 เขตเวลา ส่วนเวลาของมอสโกช้ากว่าไทย 3 ชม.ระหว่าง เม.ย.-ต.ค. และช้ากว่า 4 ชม.ระหว่าง พ.ย.-มี.ค. เว็บไซต์ข้อมูลเพื่อการท่องเที่ยวคือ www.russiatourism.ru/en/

  • สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม:

                   1) ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไปในปี 2568 ทั้งรัสเซียและยูเครนยังไม่มีท่าทียุติการสู้รบและเปิดการเจรจา เฉพาะอย่างยิ่งกรณียูเครนบุกของแคว้นคุสค์ ทางตะวันตกของรัสเซีย เมื่อ 6 ส.ค.2567 และกรณียูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลของชาติตะวันตกโจมตีรัสเซียเมื่อ พ.ย.2567 เป็นประเด็นสำคัญที่อาจกระตุ้นให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น

                    2)  การดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัสเซียในห้วงการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 5 ของประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน อาทิ การประกาศแผนปรับปรุงหลักป้องปรามนิวเคลียร์ของรัสเซีย การแสวงหาพันธมิตรเพิ่ม เฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ การขยายกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศพันธมิตร อาทิ จีน อินเดีย และมิตรประเทศ อาทิ กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา เพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก และการผลักดันบทบาทของกรอบความร่วมมือพหุภาคีและองค์กรระหว่างประเทศที่รัสเซียและจีนมีบทบาทนำ         

                    4)  บทบาทของรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส ซึ่งรัสเซียพยายามผลักดันให้ใช้แนวทางเจรจาแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และแสดงถึงความพยายามรักษาความสัมพันธ์กับทั้งสองฝ่าย

                    5)  บทบาทรัสเซียในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานกับนากอร์โน-คาราบัค เมื่อ ก.ย.2566 โดยกองทัพอาเซอร์ไบจานบุกเข้าไปในเขตปกครองนากอร์โน-คาราบัค ส่งผลให้นากอร์โน-คาราบัคต้องยอมแพ้ ต่อมานาย Samvel Shahramanyan ประธานาธิบดีของกลุ่มประชาชนเชื้อสายอาร์เมเนียในภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค ออกกฤษฎีกาสั่งยุบดินแดนแห่งนี้เมื่อ ม.ค.2567

  • ความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย:

                         ไทยและรัสเซียเห็นพ้องกันว่า การเสด็จประพาสรัสเซียของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า-เจ้าอยู่หัว (ระหว่าง 3-11 ก.ค.2440) เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูต โดยวันสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับรัสเซีย คือ 3 ก.ค.2440 และจัดงานครบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อปี 2560 ที่กรุงเทพฯ มอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สำหรับการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีปูติน ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช    บรมนาถบพิตร เมื่อ ต.ค.2546 ยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนกัน และเมื่อปี 2550 รัฐบาลทั้งสองประเทศร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 110 ปีความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในฐานะผู้แทนพระองค์
    (State Visit) ระหว่าง 2-11 ก.ค.2550 เพื่อร่วมฉลองโอกาสดังกล่าว

                       การเยือนและพบปะแลกเปลี่ยนระดับผู้นำที่สำคัญ ได้แก่ นายดมิตรี เมดเวเดฟ (นรม.ขณะนั้น)  เยือนไทยระหว่าง 7-8 เม.ย.2558 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. เยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 17-19 พ.ค.2559 เป็นการเยือนรัสเซียของผู้นำระดับ นรม.ของไทยครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ (ASEAN-Russia Commemorative Summit) ที่โซชิ ระหว่าง 19-20 พ.ค.2559 ในระหว่างการเยือนมีการลงนามในความตกลงทั้งสิ้น 14 ฉบับ เป็นความตกลงของภาครัฐ 6 ฉบับ และความตกลงของภาคเอกชน 8 ฉบับ ประกอบด้วย ด้านการทหาร เกษตร ประมง พลังงาน ธุรกรรมการเงิน และ SME นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พบหารือกับประธานาธิบดีปูตินนอกรอบการประชุม   สุดยอด BRICS ที่จีน เมื่อ 5 ก.ย.2560 หลังจากที่นายเซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เยือนไทยระหว่าง 9-10 ส.ค.2560 และนายดมิตรี เมดเวเดฟ (นรม.ขณะนั้น) เยือนไทยเมื่อ 2 พ.ย.2562 เพื่อเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน และพบหารือทวิภาคีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. ในห้วงการประชุม

                       ไทยและรัสเซียมีการหารือผ่านกลไกต่าง ๆ อาทิ การประชุมคณะกรรมการพลังงานระหว่างรัสเซีย-ไทย ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อ 18 ม.ค.2560 การประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการหารือด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับรัสเซีย ครั้งที่ 3 เมื่อ พ.ค.2560 การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ   ทวิภาคี (JC) ไทย-รัสเซีย จัดประชุมแล้วทั้งสิ้น 8 ครั้ง ครั้งที่ 8 เมื่อ 27 เม.ย.2566 ที่กรุงเทพฯ และการประชุมร่วมกันเพื่อปรึกษาหารือในประเด็นด้านกฎหมายระหว่างประเทศรัสเซีย-ไทย เมื่อ 13 ก.ย.2567

                    ด้านเศรษฐกิจ ในห้วงปี 2562-2566 การค้ารวมระหว่างไทยกับรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 2,337.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้ามาโดยตลอด เมื่อปี 2566 รัสเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 37 ของไทย และอันดับที่ 1 ในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) ส่วนปี ห้วง ม.ค.-มิ.ย.2567 การค้ารวมระหว่างไทยกับรัสเซียมีมูลค่า 820.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 0.24% ของการค้าทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้น 27.81% จากปี 2566 ไทยส่งออกไปยังรัสเซียมูลค่า 405.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.62% สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง อากาศยาน ยานอวกาศและส่วนประกอบเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องสําอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เม็ดพลาสติก สินค้าอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ และส่วนประกอบ การนําเข้ามีมูลค่า 415 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.38% จากปี 2566 สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ได้แก่ ปุ๋ย ยากําจัดศัตรูพืชและสัตว์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ถ่านหิน สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง   แปรรูปและกึ่งสําเร็จรูป แร่ และผลิตภัณฑ์จากแร่ การลงทุนทางตรงของไทยในรัสเซีย ปี 2566 มีมูลค่า 70.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการลงทุนโดยตรงของรัสเซียในไทย ปี 2566 มีมูลค่า 227.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

                    วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก เนื่องจากรัสเซียและยูเครนไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย อย่างไรก็ดี การค้าของไทยกับรัสเซียเมื่อปี 2565 มีมูลค่า 1,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงจากปี 2564 ที่มีมูลค่า 2,754.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในปี 2566 มีมูลค่า 1,512.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และห้วง ม.ค. - มิ.ย.2567 มีมูลค่า 820.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

                    รัสเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย และเริ่มฟื้นตัวหลังจากวิกฤต COVID-19 โดยในห้วง 1 ม.ค.-30 ก.ย.2565 มีนักท่องเที่ยวรัสเซียรวม 102,809 คน และเมื่อ 24 เม.ย. 2567 รัฐบาลไทยเห็นชอบมาตรการการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางรัสเซียเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ตั้งแต่ 1 พ.ค.-31 ก.ค. 2567 ไม่เกิน 60 วัน สำหรับห้วง 1 ม.ค.-27 ต.ค.2567 มีนักท่องเที่ยวรัสเซียรวม 1,267,998 คน

                    ความตกลงที่สำคัญระหว่างไทยกับรัสเซีย : ความตกลงว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การค้าและความสัมพันธ์ทางด้านกงสุลตามปกติ (ปี 2484) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้า (25 ธ.ค.2513) พิธีสารว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (12 พ.ค.2530) ข้อตกลงเกี่ยวกับการปรึกษาหารือ ทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ (ปี 2531) ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทวิภาคี (15 ก.ย.2536) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมของรัสเซีย (11 ก.ค.2540) อนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ (23 ก.ย.2542 มีผลบังคับใช้ 15 ม.ค.2552) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม (25 ก.พ. 2543) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (17 ต.ค.2545) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ (17 ต.ค.2545) ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนต่างตอบแทน (17 ต.ค.2545) ความตกลงว่าด้วยข้อยุติการชำระหนี้ที่รัฐรัสเซียคงค้างราชอาณาจักรไทย (21 ต.ค.2546) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงทางทหาร (21 ต.ค.2546) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา (1 ธ.ค.2547) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดา (13 ธ.ค.2548) ช่วงปี 2551-2554 แผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ ฉบับปี 2551-2554 (24 ก.ค.2551) แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือ ฉบับปี 2553-2557 (27 พ.ย.2552) ข้อตกลงด้านปฏิบัติการเกี่ยวกับเอกสารระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กับธนาคาร Vneshtorgbank ของรัสเซีย (27 พ.ย.2552) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสภาธุรกิจ (27 พ.ย.2552) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม (25 ก.พ.2543) พิธีสารความตกลงการชำระหนี้ค่าข้าวระหว่างไทยกับรัสเซีย จำนวน 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (31 พ.ค.2554) เมื่อ 8 เม.ย.2558 ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหารระหว่างไทยกับรัสเซีย (14 ก.ย.2560) บันทึกความเข้าใจด้านการปกป้องสุขอนามัยและระบาดวิทยาสุขภาวะของประชาชนระหว่างสำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและสวัสดิภาพของมนุษย์แห่งสหพันธรัฐรัสเซียและกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ย.2560) โครงการความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่าง ปี 2561-2563 ภายใต้กรอบการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน + 3 (24 ม.ค.2561) นอกจากนี้ ปี 2561 อยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission-EEC)

                    ห้วงปี 2562 มีความร่วมมือด้านต่าง ๆ อาทิ 1) ด้านสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไทยร่วมกับประเทศรัสเซีย จัดประชุม “เตรียมความพร้อมและตอบโต้โรคติดเชื้อที่อาจมีแนวโน้มเกิดการระบาดในภูมิภาค” ระหว่าง 16-17 ต.ค.2562 ประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก เพื่อพัฒนาและสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเตรียมความพร้อมตอบโต้สถานการณ์ของโรคติดเชื้อแก่ประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออก จำนวนกว่า 60 คน จาก 14 ใน 18 ประเทศสมาชิก (ข้อมูลจาก สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค) 2) ด้านโทรคมนาคม กสทช. ร่วมกับกระทรวงพัฒนาดิจิทัล โทรคมนาคมและการสื่อสารมวลชนของรัสเซียร่วมจัดประชุม “Forum on Digital Cooperation” ระหว่าง 19-20 ก.ย.2562 เพื่อการอำนวยความสะดวกและบริการการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และแผนเปิดให้บริการ 5G นโยบายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และแนวทางการป้องกันภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ต และ 3) ด้านการทหาร ผู้บัญชาการทหารเรือไทยและรัสเซียลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือ

                    ปี 2563 ความร่วมมือด้านการทหาร ได้แก่ 1) ความตกลงว่าด้วยการรับกำลังพลของราชอาณาจักรไทยเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาทางทหารของกระทรวงกลาโหมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (Agreement No. 173/3/764-1 on the Requirements for the Admission of Servicemen of the Kingdom of Thailand for Training in Military Educational Establishments of the Ministry of Defence of the Russian Federation) 2) ทร. รัสเซียมอบทุนศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือรัสเซียเป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งเป็นการส่งนักเรียนนายเรือไทยไปศึกษาหลักสูตรที่รัสเซียเป็นครั้งแรกในรอบ 114 ปี

                    ปี 2565 ไทยกับรัสเซียได้จัดกิจกรรมฉลองความสัมพันธ์ระหว่างกันครบรอบ 125 ปี และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รอง นรม. และ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เยือนรัสเซียระหว่าง 5-6 ก.ย.2565 โดย   พบหารือนายเซียร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ประเด็นการกระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน รวมทั้งการเตรียมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย ครั้งที่ 8

                    ปี 2566 ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน พบปะกับนายเศรษฐา ทวีสิน นรม.นอกรอบการประชุม ข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation-BRF) ครั้งที่ 3 ระหว่าง 17-18 ต.ค.2566 ที่กรุงปักกิ่ง จีน โดยผู้นำรัสเซียย้ำการเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของสองประเทศ แม้มีบริบทปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศเกี่ยวข้อง แต่ไทยและรัสเซียยังคงความสัมพันธ์ที่ดี เคารพและคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน 

  • คณะรัฐมนตรี:

    คณะรัฐมนตรีรัสเซีย

    (ประกาศแต่งตั้งหลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 5 ของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของปี 2567)

     

    นรม.                                                                  Mikhail Mishustin

    รอง นรม.คนที่ 1                                                    Denis Manturov

    รอง นรม.และหัวหน้าสำนักงานทำเนียบรัฐบาล                 Dmitry Grigorenko

    รอง นรม.                                                            Dmitry Chernyshenko

    รอง นรม.                                                            Tatyana Golikova

    รอง นรม.                                                           Marat Khusnullin

    รอง นรม.                                                            Alexander Novak

    รอง นรม.                                                            Alexei Overchuk

    รอง นรม.                                                            Dmitry Patrushev

    รอง นรม.                                                            Vitaly Saveliev

    รอง นรม.และผู้แทนประธานาธิบดีประจำตะวันออกไกล      Yury Trutnev

    รมว.กระทรวงการคลัง                                              Anton Siluanov

    รมว.กระทรวงมหาดไทย                                           Vladimir Kolokoltsev

    รมว.กระทรวงพลังงาน                                              Sergei Tsivilev

    รมว.กระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ                                Maksim Reshetnikov

    รมว.กระทรวงแรงงานและการคุ้มครองทางสังคม               Anton Kotyakov

    รมว.กระทรวงคมนาคม                                             Roman Starovoit

    รมว.กระทรวงกีฬา                                                  Mikhail Degtyarev

    รมว.กระทรวงเกษตร                                               Oksana Lut

    รมว.กระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและสื่อสารมวลชน              Maksut Shadayev                

    รมว.กระทรวงพัฒนาภาคตะวันออกไกลและอาร์กติก           Alexei Chekunov

    รมว.กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า                           Anton Alikhanov

    รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม              Alexander Kozlov

    รมว.กระทรวงศึกษาธิการ                                          Sergei Kravtsov

    รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และการศึกษาชั้นสูง                 Valery Falkov

    รมว.กระทรวงวัฒนธรรม                                           Olga Lyubimova

    รมว.กระทรวงสาธารณสุข                                          Mikhail Murshko

    รมว.กระทรวงยุติธรรม                                             Konstantin Chuichenko

    รมว.กระทรวงกลาโหม                                             Andrei Belousov

    รมว.กระทรวงการต่างประเทศ                                    Sergey Lavrov

    รมว.กระทรวงป้องกันพลเรือน สถานการณ์ฉุกเฉิน              Alexander Kurenkov

    และบรรเทาสาธารณภัย                                        

    รมว.กระทรวงโยธา การเคหะและสาธารณูปโภค               Irek Faizullin

     

    -----------------------------------------------

    (ต.ค.2567)