ปาเลสไตน์
home อัลมาแนค | category ตะวันออกกลาง

ปาเลสไตน์

สร้างเมื่อ : วันพฤหัสบดี 26 ธันวาคม 2567, 22:57:05
แก้ไขเมื่อ : วันพฤหัสบดี 26 ธันวาคม 2567, 22:57:05
เข้าชม : 394

รัฐปาเลสไตน์

Palestine

Palestine

Flag
Map Image
  • เมืองหลวง:
    รอมัลลอฮ์ ตั้งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ (มีสถานะเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัย จนกว่าเยรูซาเลมตะวันออกจะได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองโดยอิสราเอล)
  • ที่ตั้ง:

    ตะวันออกกลาง โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแยกจากกัน คือ 1) เขตเวสต์แบงก์ (West Bank) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ระหว่างเส้นละติจูดที่ 31-33 องศาเหนือ และระหว่างเส้นลองจิจูดที่ 35-36 องศาตะวันออก มีพื้นที่ 5,860 ตร.กม. และ 2) ฉนวนกาซา (Gaza Strip) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บนพิกัดเส้นละติจูดที่ 31 องศา 25 ลิปดาเหนือ เส้นลองจิจูดที่ 34 องศา 20 ลิปดาตะวันออก มีพื้นที่ 360 ตร.กม. ทั้งนี้ พื้นที่รวมกันของเขตเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา มีขนาดเล็กกว่าไทยประมาณ 82 เท่า

     

    อาณาเขต   

                    เขตเวสต์แบงก์                                   

                    ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก              ติดกับอิสราเอล 330 กม.

                    ทิศตะวันออก                                     ติดกับจอร์แดน 148 กม. โดยมีแม่น้ำจอร์แดนและ                                      ทะเลสาบเดดซีเป็นเส้นกั้นอาณาเขต

                    ฉนวนกาซา

                    ทิศเหนือ และทิศตะวันออก                     ติดกับอิสราเอล 59 กม.

                    ทิศตะวันตก                                      ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 40 กม.

                    ทิศใต้                                              ติดกับอียิปต์ 13 กม.

  • ภูมิประเทศ:

    เวสต์แบงก์ตั้งอยู่บนที่ราบสูงจูเดีย ส่วนใหญ่เป็นภูเขา แต่มีพื้นที่ลาดเป็นชั้น ๆ เหมาะแก่การเจริญเติบโตของต้นไม้ สามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารได้เป็นอย่างดี ส่วนในฤดูร้อนสามารถปลูกผักผลไม้ได้ ขณะที่ฉนวนกาซามีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบชายฝั่งทะเลสลับเทือกเขาเป็นบางส่วน

  • ภูมิอากาศ:

    เวสต์แบงก์ ลักษณะภูมิอากาศมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ โดยบริเวณเทือกเขาสูง
    มีอากาศหนาวมาก อุณหภูมิอาจติดลบถึง 4 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณที่ราบ อากาศร้อนจัด อุณหภูมิ 34-43 องศาเซลเซียส ส่วนฉนวนกาซา ฤดูร้อนมีอากาศแห้งและอบอุ่น ภัยธรรมชาติที่ประสบเป็นประจำ คือ ภัยแล้ง

  • ประชากร:

                    เวสต์แบงก์มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 3,243,369 คน เป็นเชื้อสายอาหรับ 83% และชาวยิว 17% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 36.7% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 59.5% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 3.9% อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม 76.5 ปี เพศชาย 74.4 ปี และเพศหญิง 78.8 ปี อัตราการเกิด 27.8 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 3.3 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 2.07%

                    ฉนวนกาซามีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,141,643 คน เป็นเชื้อสายอาหรับ 100% อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ : วัยเด็ก (0-14 ปี) 38.8% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 58.3% และวัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 2.9% อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม 75.5 ปี เพศชาย 73.7 ปี และเพศหญิง 77.4 ปี อัตราการเกิด 26.8 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 2.9 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 2.02%

     

  • ศาสนา:

    ในเวสต์แบงก์ อิสลาม (ส่วนใหญ่เป็นซุนนี) 80-85% ยูดาย 12-14% คริสต์ (ส่วนใหญ่เป็นกรีกออร์ทอดอกซ์) 1-2.5% และอื่น ๆ ไม่ถึง 1% ส่วนในฉนวนกาซา อิสลาม (ส่วนใหญ่เป็นซุนนี) 98-99% คริสต์ และอื่น ๆ 1% 

  • ภาษา:

    ภาษาอาหรับเป็นภาษาราชการ แต่ประชาชนส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาฮีบรูและภาษาอังกฤษได้ดี

  • การศึกษา:

    อัตราการรู้หนังสือ 97.5% การที่เขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาอยู่ภายใต้การยึดครองของอิสราเอล ส่งผลให้การศึกษาตั้งแต่ระดับต้นจนถึงอุดมศึกษาอยู่ภายใต้การจัดการของอิสราเอล การศึกษาภาคบังคับของปาเลสไตน์มีระยะ 10 ปี โดยเด็กต้องเข้าเรียนเมื่ออายุ 6 ปี จนถึงอายุ 16 ปี เมื่อจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว มีสิทธิเลือกเรียนได้ 2 ทาง คือ สายวิทยาการ 2 ปี หรือสายวิชาชีพ 2 ปี เมื่อจบแล้วจึงมีสิทธิเข้าเรียนต่อ
    ในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย 

  • การก่อตั้งประเทศ:

    ปาเลสไตน์เคยอยู่ใต้การปกครองของชาวยิว โรมัน เปอร์เซีย และอาหรับ แต่ปัจจุบันเผชิญกับการรุกรานของชนชาติยิว หรืออิสราเอล จากการที่ชาวยิวเชื่อในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าได้ประทานดินแดนแห่งนี้ให้เป็นมาตุภูมิของชาวยิว ดังนั้น เมื่อปี 2440 ชาวยิวในสหรัฐฯ และยุโรปจึงรวมตัวกันตั้งองค์การยิวสากล หรือไซออนนิสต์ (Zionist) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งชาวยิวกลับไปตั้งถิ่นฐานและสร้างชาติยิวขึ้นใหม่ในปาเลสไตน์ จนนำไปสู่การสถาปนารัฐยิว หรืออิสราเอลขึ้นบนดินแดนปาเลสไตน์ได้สำเร็จเมื่อปี 2491 ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดขบวนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยรัฐปาเลสไตน์ที่เรียกว่า “องค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์” (Palestine Liberation Organization-PLO) ภายใต้การนำของนายยัสเซอร์ อาราฟัต (ยาซิร อะเราะฟาต) และประกาศตั้งรัฐเอกราชปาเลสไตน์เมื่อ 15 พ.ย.2531 ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ จนกระทั่งมีการลงนามใน “ข้อตกลงสันติภาพออสโล ฉบับที่ 1” เมื่อปี 2536 ที่ถือเป็นการยอมรับว่ามีดินแดนปกครองตนเองที่ชื่อปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา อีกทั้งคาดหวังว่าจะนำไปสู่การจัดตั้ง  รัฐปาเลสไตน์ในอนาคตได้สำเร็จ จนกระทั่งเมื่อ 29 พ.ย.2555 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้ผ่านข้อมติที่ 67/19 ยกสถานะปาเลสไตน์จากองค์กรผู้สังเกตการณ์ (observer entity) เป็นรัฐผู้สังเกตการณ์ถาวรที่มิใช่สมาชิก (non-member permanent observer state) ซึ่งถือเป็นการรับรองโดยปริยายว่าปาเลสไตน์มีสถานะเป็นรัฐ ปัจจุบันมี 146 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศรับรองสถานะของรัฐปาเลสไตน์ รวมถึงไทย

  • วันชาติ:
    15 พ.ย.
  • การเมือง:

                 ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฟัตตะฮ์กับกลุ่มฮะมาสที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ส่งผลให้การปกครองของปาเลสไตน์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนโดยพฤตินัยมาตลอด เนื่องจากเขตเวสต์แบงก์อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฟัตตะฮ์ ขณะที่ฉนวนกาซาอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮะมาส โดยทั้งเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซาต่างก็มีผู้นำคณะผู้บริหารของตนเอง จนกระทั่งเมื่อ 2 มิ.ย.2557 ทั้งสองกลุ่มสามารถยุติความขัดแย้งที่มีต่อกันด้วยการลงนามข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติร่วมกัน ต่อมา เมื่อ 17 มิ.ย.2558 นายรอมี ฮัมดัลลอฮ์ นรม.ในขณะนั้น ประกาศลาออก ประกอบกับกลุ่มฟัตตะฮ์และกลุ่มฮะมาสมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส จึงตัดสินใจยุติบทบาทรัฐบาลแห่งชาติชุดดังกล่าว และจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวที่กลุ่มฮะมาสไม่ยอมรับ ทั้งนี้ เขตเวสต์แบงก์จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อ 11 ธ.ค.2564 และการเลือกตั้งเทศบาลเมื่อ 26 มี.ค.2565 ขณะที่ในฉนวนกาซาไม่มีการจัดการเลือกตั้ง

                    ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีเป็นประมุขของชาวปาเลสไตน์ มาจากการเลือกตั้งโดยตรง วาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้ง นรม. และ ครม. ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายมะห์มูด อับบาส ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ม.ค.2548 และขยายวาระการดำรงตำแหน่งออกไปจนกว่าจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหม่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ ส่วน นรม.คนปัจจุบัน คือ นาย Mohammad Mustafa ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เมื่อ 31 มี.ค.2567

                    ฝ่ายนิติบัญญัติ : รัฐสภาแบบสภาเดี่ยว คือ สภานิติบัญญัติปาเลสไตน์ (Palestinian Legislative Council-PLC) มีสมาชิก 132 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีอำนาจในการออกกฎหมายจำกัดเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการพลเรือนและการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในการเลือกตั้งสมาชิก PLC ครั้งหลังสุดจัดขึ้นเมื่อ 25 ม.ค.2549 และไม่สามารถจัดประชุมสภาได้ตั้งแต่ปี 2550 หลังจาก  เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฟัตตะฮ์กับกลุ่มฮะมาสจนถึงปัจจุบัน ส่วนการเลือกตั้งสมาชิก PLC ชุดใหม่ยัง   ไม่สามารถกำหนดวันจัดการเลือกตั้งได้เช่นกัน

                    ฝ่ายตุลาการ : มีศาลสูงสุด โดยรัฐสภามีอำนาจแต่งตั้งคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด

                 พรรคการเมืองสำคัญ : พรรค Fatah (Liberation Movement of Palestine) พรรค Hamas (Islamic Resistance Movement) พรรค Martyr Abu Ali Mustafa (Popular Front for the Liberation of Palestine) พรรค Palestine Democratic Union พรรค Palestinian People พรรค Democratic Front for the Liberation of Palestine พรรค Palestinian National Initiative และพรรค Third Way

  • เศรษฐกิจ:

                       สงครามในฉนวนกาซาและปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ตั้งแต่ 7 ต.ค.2566 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของปาเลสไตน์อย่างมาก เนื่องจากความรุนแรงในพื้นที่ รวมถึงการถูกปิดล้อมและจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้าเข้า-ออกปาเลสไตน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเขตเวสต์แบงก์ ในไตรมาสแรกของปี 2567 หดตัวถึง 25% เพราะกิจกรรมการค้า บริการ การก่อสร้าง และการผลิตลดลง ส่วนเศษฐกิจของฉนวนกาซาเกือบล่มสลายโดยสิ้นเชิง โดย GDP หดตัวมากถึง 86% ปัจจุบัน ปาเลสไตน์ยังคงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งด้านการเงิน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

                    ภาคการเกษตร มีผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ มะกอก พืชตระกูลมะนาว ผักกาด กะหล่ำปลี ฟักทอง มะเขือเทศ ข้าวโพด องุ่น แตงโม แอปเปิล ทับทิม ลูกแพร์ สาลี่ และอินทผลัม ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ สิ่งทอ สบู่ น้ำมันมะกอก เครื่องหนัง และของที่ระลึกทำจากไม้แกะสลัก ซึ่งรับงานมาจากอิสราเอลเป็นส่วนใหญ่

     

                    สกุลเงิน : ปัจจุบัน ปาเลสไตน์ยังไม่มีระบบเงินตราเป็นของตนเอง เนื่องจากอิสราเอลไม่ยินยอม เพราะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกราช เงินตราที่ใช้จึงเป็นสกุลเงินเชคเกลของอิสราเอล และสกุลเงินดีนาร์
    ของจอร์แดน 

  • ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ:

                       สงครามในฉนวนกาซาและปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ตั้งแต่ 7 ต.ค.2566 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของปาเลสไตน์อย่างมาก เนื่องจากความรุนแรงในพื้นที่ รวมถึงการถูกปิดล้อมและจำกัดการเคลื่อนย้ายแรงงานและสินค้าเข้า-ออกปาเลสไตน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเขตเวสต์แบงก์ ในไตรมาสแรกของปี 2567 หดตัวถึง 25% เพราะกิจกรรมการค้า บริการ การก่อสร้าง และการผลิตลดลง ส่วนเศษฐกิจของฉนวนกาซาเกือบล่มสลายโดยสิ้นเชิง โดย GDP หดตัวมากถึง 86% ปัจจุบัน ปาเลสไตน์ยังคงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งด้านการเงิน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

                    ภาคการเกษตร มีผลผลิตที่สำคัญ ได้แก่ มะกอก พืชตระกูลมะนาว ผักกาด กะหล่ำปลี ฟักทอง มะเขือเทศ ข้าวโพด องุ่น แตงโม แอปเปิล ทับทิม ลูกแพร์ สาลี่ และอินทผลัม ภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ สิ่งทอ สบู่ น้ำมันมะกอก เครื่องหนัง และของที่ระลึกทำจากไม้แกะสลัก ซึ่งรับงานมาจากอิสราเอลเป็นส่วนใหญ่

     

                    สกุลเงิน : ปัจจุบัน ปาเลสไตน์ยังไม่มีระบบเงินตราเป็นของตนเอง เนื่องจากอิสราเอลไม่ยินยอม เพราะเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกราช เงินตราที่ใช้จึงเป็นสกุลเงินเชคเกลของอิสราเอล และสกุลเงินดีนาร์
    ของจอร์แดน 

  • การทหาร:

                          กองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (National Security Forces-NSF) เป็นกองกำลังกึ่งทหารของรัฐบาล มีสถานะเป็นกองกำลังแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2536 ภารกิจของ NSF ในปัจจุบัน ได้แก่ การรักษาความมั่นคงภายใน ปราบปรามสมาชิกกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ และรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีและผู้นำระดับสูง ผบ.NSF

                    กำลังพล  กองกำลังป้องกันประเทศประมาณ 10,000 นาย ส่วนใหญ่มาจากกองทัพปลดปล่อยปาเลสไตน์ (Palestinian Liberation Army-PLA) ซึ่งเป็นปีกทางทหารขององค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO)

                    นอกจากนี้ ยังมีกองกำลังความมั่นคงอื่น ๆ ที่มีสายบังคับบัญชาแยกต่างหากจาก NSF เช่น หน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (Palestinian General Intelligence Service) ไม่ทราบจำนวนกำลังพล
    หน่วยข่าวกรองในประเทศ (Palestinian Preventive Security) ประมาณ 4,000 คน กองกำลังตำรวจ 9,000 นาย กองกำลังพิเศษ (Special Force) ประมาณ 1,200 นาย กองกำลังพิทักษ์ประธานาธิบดี (Presidential Guard) ประมาณ 3,000 นาย หน่วยข่าวกรองทหาร (Military Intelligence) และหน่วยประสานภารกิจทางทหาร (Military Liaison) ไม่ทราบจำนวน และกองกำลังป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (Civil Defense) ประมาณ 1,000 คน

                    ขณะที่ กลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซามีกองกำลังติดอาวุธเป็นของตนเอง ไม่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังของรัฐบาล คือ กองกำลัง Izz al-Din al-Qassam มีกำลังพลประมาณ 30,000 นาย และตำรวจชายฝั่ง 600 นาย ยุทโธปกรณ์สำคัญ ได้แก่ อาวุธต่อสู้รถถัง ปืนใหญ่ประเภทยิงระเบิด (MRL) เครื่องยิงลูกระเบิด ขีปนาวุธพิสัยสั้น (Short-range ballistic missile-SRBM) ประเภทจากอากาศสู่อากาศ และขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานจากพื้นสู่อากาศ (SAM)

  • ปัญหาด้านความมั่นคง:

                1. สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซาดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ 7 ต.ค.2566 และยังไม่มีแนวโน้มจะยุติ แม้ว่าอิสราเอลสามารถทำลายโครงสร้างสำคัญทางทหารและสังหารสมาชิกจำนวนมาก รวมถึงนายยะฮ์ยา ซินวาร ผู้นำกลุ่มฮะมาส ซึ่งเป็นผู้นำในการวางแผนและปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลเมื่อ        7 ต.ค.2566 แต่อิสราเอลยังย้ำว่าจะปฏิบัติการทางทหารต่อไป จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ได้แก่ การช่วยตัวประกันในฉนวนกาซาทั้งหมด และทำลายขีดความสามารถทางทหารและการเมือง เพื่อไม่ให้กลุ่ม ฮะมาสเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลได้อีก

                    2. วิกฤติด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา การโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินของอิสราเอลในฉนวนกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40,000 คน โดย 70% เป็นผู้หญิงและเด็ก และทำให้โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนได้รับความเสียหายถึง 63% ปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นภายในประมาณ 1.9 ล้านคน และหลายคนต้องอพยพหลายครั้งไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่แออัด ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง และเสี่ยงเป็นศูนย์กลางโรคระบาด ขณะที่ระบบสาธารณสุขล่มสลาย เนื่องจากขาดแคลนบุคลากร ยา และเวชภัณฑ์ รวมถึงไฟฟ้าและเชื้อเพลิง

                    3. สถานการณ์ความมั่นคงในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออก อิสราเอลปฏิบัติการทหารเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของกลุ่มติดอาวุธ พร้อมจับกุมชาวปาเลสไตน์ที่เชื่อว่าเป็นสมาชิกสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ หรือมีแนวทางต่อต้านอิสราเอล ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ก่อเหตุรุนแรงเพื่อต่อต้านทหารอิสราเอลและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอล โดยเมื่อปี 2565 มีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออกมากกว่า 700,000 คน ซึ่งที่ประชุมสมัยพิเศษฉุกเฉินของ UNGA ครั้งที่ 10 ระหว่าง 17-18 ก.ย.2567 ลงมติเรียกร้องให้อิสราเอลถอนกำลังทหาร ยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานใหม่ และอพยพผู้ตั้งถิ่นฐานทั้งหมดออกจากดินแดนปาเลสไตน์ รวมทั้งให้อิสราเอลส่งคืนที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมดที่ครอบครองตั้งแต่ปี 2510  คืนแก่ปาเลสไตน์ ตลอดจนอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นกลับสู่ภูมิลำเนาและได้รับการชดเชยค่าเสียหายจากการยึดครองของอิสราเอล

  • สมาชิกองค์การระหว่างประเทศ:

    ESCWA, UNESCO, UNIDO, UNCTAD,UNFCCC,OPCW, OIC, NAM, AALCO, ISA, ICC, Arab League และ Interpol นอกจากนี้ ยังมีสถานะเป็นรัฐผู้สังเกตการณ์ถาวรของ UN และที่ประชุม UNGA มีมติเมื่อ 10 พ.ค.2567 ให้เพิ่มสิทธิบางประการแก่ปาเลสไตน์ในฐานะรัฐผู้สังเกตการณ์ เช่น มีที่นั่งในหมู่ประเทศสมาชิกตามลำดับตัวอักษร เสนอเรื่องเพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุมสมัยสามัญหรือสมัยพิเศษ แต่ยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงใน UNGA หรือเสนอชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งในองค์กรต่าง ๆ ของ UN

  • การขนส่งและโทรคมนาคม:

    มีท่าอากาศยานที่เวสต์แบงก์ 1 แห่ง มีท่าเรือสำคัญที่ฉนวนกาซา 1 แห่ง ถนน 3,469 กม. (ไม่รวมฉนวนกาซา) โดยอิสราเอลตั้งด่านตรวจบนถนนสายต่าง ๆ หรือมีการปิดกั้นถนน ด้านโทรคมนาคม มีโทรศัพท์พื้นฐาน 458,000 เลขหมาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ 4.388 ล้านเลขหมาย (ปี 2565) รหัสโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ +970 จำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต 4.82 ล้านคน รหัสอินเทอร์เน็ต .ps

  • การเดินทาง:

    การบินไทยไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังปาเลสไตน์ ขณะที่สายการบินปาเลสไตน์ปัจจุบันปิดดำเนินการ การเดินทางไปปาเลสไตน์จึงต้องใช้สายการบินอิสราเอล และเดินทางจากอิสราเอลทางรถเพื่อเข้าสู่ปาเลสไตน์ ซึ่งอาจต้องขออนุญาตจากทางการอิสราเอลก่อน เวลาที่ปาเลสไตน์ช้ากว่าไทย 5 ชม. 

  • สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม:

                    1) สถานการณ์สู้รบระหว่างกลุ่มฮะมาสกับอิสราเอล รวมถึงการเข้าร่วมโจมตีอิสราเอลเพื่อสนับสนุนกลุ่มฮะมาส จากกลุ่มติดอาวุธแนวร่วมต่อต้านอิสราเอล (Axis of Resistance) ได้แก่ อิหร่าน กลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอน กบฏ Houthi ในเยเมน และกลุ่มติดอาวุธชาวชีอะฮ์ในอิรักและซีเรีย

               2) ความพยายามของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ การหยุดยิงในฉนวนกาซา และแนวทางจัดระเบียบทางการเมืองของปาเลสไตน์หลังสงคราม

                    3) การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในฉนวนกาซาให้กลับสู่สภาพเดิมก่อนสงครามอาจใช้เวลาถึง 80 ปี

  • ความสัมพันธ์ไทย-ปาเลสไตน์:

    ไทยและปาเลสไตน์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน โดยไทยรับรองรัฐปาเลสไตน์ตามมติ ครม. เมื่อ 29 พ.ย.2554 ก่อนที่คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ
    ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ มีหนังสือแจ้งการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเมื่อ 17 ม.ค.2555 และเมื่อ 11 ก.ค.2555
    นายรียาฎ อัลมาลิกี รมว.กต.ปาเลสไตน์ ซึ่งเดินทางมาร่วมการประชุม United Nations Asian Pacific Meeting in Support of Israeli-Palestinian Peace ที่กรุงเทพฯ (ระหว่าง 10-12 ก.ค.2555) ได้พบหารือกับนายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ผช.รมว.กต.ไทย และตกลงร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่ 1 ส.ค.2555 โดยไทยมอบหมายให้ สอท. ณ กรุงอัมมาน จอร์แดน มีเขตอาณาครอบคลุมปาเลสไตน์ และเมื่อ 12 ก.พ.2556 ที่ประชุม ครม. มีมติรับรอง ออท.ปาเลสไตน์ประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนักที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ดูแลเขตอาณาไทยเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะเปิด สอท.ถาวร ในแต่ละฝ่ายต่อไป ขณะที่ประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ เคยเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่าง 19-20 ก.พ.2559 โดยถือเป็นการเยือนของผู้แทนระดับสูงสุดของทั้งสองฝ่ายเป็นครั้งแรก

    ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ

                    เมื่อปี 2566 การค้าระหว่างไทย-ปาเลสไตน์ มีมูลค่า 2.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (97.55 ล้านบาท) ไทยส่งออกไปปาเลสไตน์ 2.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (95.50 ล้านบาท) และนำเข้าจากปาเลสไตน์ 0.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.05 ล้านบาท) ทำให้ไทยได้เปรียบดุลการค้า 2.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (93.45 ล้านบาท) และในช่วง ม.ค.-ส.ค.2567 การค้าไทย-ปาเลสไตน์ มีมูลค่า 1.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (57.58 ล้านบาท) ไทยส่งออก 1.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (57.36 ล้านบาท) และนำเข้า 0.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (0.22 ล้านบาท) ไทยได้เปรียบดุลการค้า 1.59 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (57.14 ล้านบาท)

                    สินค้าที่ไทยส่งออกไปปาเลสไตน์ ปี 2566 ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องดื่ม กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป

  • คณะรัฐมนตรี:

    คณะรัฐมนตรีปาเลสไตน์

     

    ประธานาธิบดี                                                        Mahmoud Abbas

    นรม.                                                                   Mohammad Mustafa

    รมว.กระทรวงมหาดไทย                                            Ziad Hab al-Reeh

    รมว.กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนา                     Mohammad Mustafa Najem

    รมว.กระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร                            Tareq Zarab

    รมว.กระทรวงวัฒนธรรม                                            Emad Al-Din Hamdan

    รมว.กระทรวงเศรษฐกิจแห่งชาติ                                   Mohammad Al-Amour

    รมว.กระทรวงการคลัง                                               Omar Al-Bittar

    รมว.กระทรวงการต่างประเทศ                                     Mohammad Mustafa

    รมว.กระทรวงยุติธรรม                                              Shurahbil Al-Zaeem

    รมว.กระทรวงกิจการเยรูซาเลม                                     Ashraf Al-Awar

    รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณคดี                       Hani Al-Hayek

    รมว.กระทรวงสาธารณสุข                                           Majid Abu Ramadan

    รมว.กระทรวงศึกษาธิการและอุดมศึกษา                          Amjad Barham

    รมว.กระทรวงการสื่อสารและเศรษฐกิจดิจิทัล                    Abdel Razzaq Natsheh

    รมว.กระทรวงโยธาธิการและการเคหะ                            Ahed Bseiso

    รมว.กระทรวงเกษตร                                                Rizk Sulaimiyya

    รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม                                         Arafat Asfour

    รมว.กระทรวงพัฒนาสังคม                                          Samah Hamad

    รมว.กระทรวงกิจการสตรี                                           Mona Al-Khalili

    รมว.กระทรวงแรงงาน                                               Enas Dahadha

    รมว.กระทรวงการปกครองส่วนท้องถิ่น                            Sami Hajjawi

    รมว.กระทรวงวางแผนและความร่วมมือระหว่างประเทศ        Wael Zaqqout

    รมต.แห่งรัฐด้านการต่างประเทศ                                   Varsen Aghabekian

    รมต.แห่งรัฐด้านการบรรเทาทุกข์                                   Basil Al-Kafarna

     

    -----------------------------------------

                                                       (จัดตั้งรัฐบาลและสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อ 31 มี.ค.2567)